ผู้ถือหุ้นเบรกกสิกรลงทุนเพิ่ม

"บัณฑูร" บ่นเสียดาย เสียโอกาสการขยายธุรกิจการเงินในภูมิภาคเออีซีบวก 3 เร่งปรับแผนใหม่

นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เป็นประธานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นธนาคารกสิกรไทย ครั้งที่ 106 โดยวาระสำคัญอยู่ที่วาระ 11 ที่ขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในกรอบการดำเนินการขยายธุรกิจโดยวิธีการเข้าซื้อหารือร่วมทุนในกิจการจำนวนเงินไม่เกิน 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4,650 ล้านบาท ต่อการลงทุนแต่ละครั้ง และให้อยู่ภายในกรอบการลงทุนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 500 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.55 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้มีความจำเป็นที่จะขยายธุรกิจบริการทางการเงินในภูมิภาคเออีซีบวก 3 โดยเฉพาะกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีไอ (CLMVI) ได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของตลาด และการแข่งขัน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเข้าข่ายรับซื้อหรือโอนกิจการมาเป็นของธนาคาร 107 (2ข) พ.ร.บ.จำกัดมหาชน ที่ต้องได้คะแนนเสียง 3 ใน 4 ของจำนวนผู้เข้าประชุม

อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นลงคะแนนเห็นชอบเพียง 65% ไม่ถึง 75% หรือ 3 ใน 4 ทำให้ไม่ผ่านวาระการอนุมัติกรอบการดำเนินการขยายธุรกิจโดยวิธีการเข้าซื้อหรือร่วมทุนในกิจการ

นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติให้ นายพัชร สมะลาภา ให้ดำรง ตำแหน่งกรรมการที่เป็นผู้บริหาร และนาง กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ให้เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระ นอกจากนี้ที่ประชุมอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงกรรมการ ซึ่งมีอำนาจลงลายมือชื่อแทนธนาคาร โดยเพิ่มให้นายพัชรมีอำนาจลงลายมือชื่อในส่วนของผู้บริหาร เพิ่มเติมจากนายปรีดี ดาวฉาย น.ส.ขัตติยา อินทรวิชัย และนายพิพิธ เอนกนิธิ

ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นได้สอบถามเรื่องหุ้นตกว่ามาจากข่าวว่าธนาคารจะถูกเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ จาก 0.47% เป็น 1% จริงหรือไม่ นายบัณฑูร กล่าวว่า คงตอบไม่ได้เพราะเกรงจะชี้นำตลาด และยังไม่ได้รับรายงาน

"2-3 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไม่โตมาก เมื่อมีความเสี่ยงจึงต้องกันสำรองตามปกติ ซึ่งธนาคารทั้งระบบที่มีการตั้งสำรองสูงขึ้น เพื่อรอช่วงเปลี่ยนผ่านที่เศรษฐกิจที่จะกระเตื้องขึ้น" นายบัณฑูร กล่าว