posttoday

โอนบัญชีเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวเกิน 10 ปีเข้าคลัง

29 มีนาคม 2561

คลังแจงออกกฎหมายโอนบัญชีเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวเกิน 10 ปี ยันไม่ได้ฮุบเงินประชาชน หากผู้ฝากต้องการถอนเงินคืนทำได้ตลอดเวลา

คลังแจงออกกฎหมายโอนบัญชีเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวเกิน 10 ปี ยันไม่ได้ฮุบเงินประชาชน หากผู้ฝากต้องการถอนเงินคืนทำได้ตลอดเวลา

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้ ส่งรายละเอียดร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารจัดการบัญชีเงินฝากที่ไม่มี การเคลื่อนไหวของสถาบันการเงิน พ.ศ. ... (ร่าง พ.ร.บ. Dormant Account) ไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว โดยยังอยู่ระหว่างการรอบรรจุในวาระการประชุม ครม. ส่วนสาระสำคัญของร่างกฎหมายดังกล่าว คือ การบริหารจัดการเงินฝากของลูกค้าที่อยู่กับสถาบันการเงินแต่ไม่มีการเคลื่อนไหว 10 ปี โดยจะให้สถาบันการเงินต่างๆ ส่งเงิน ดังกล่าวมาไว้ในบัญชีที่กรมบัญชีกลาง ตั้งขึ้นมา โดยที่สถาบันการเงินต่างๆ จะต้องบันทึกข้อมูลเงินฝากดังกล่าวของลูกค้าด้วย เพื่อให้ลูกค้าที่ต้องการถอนเงินฝากก็สามารถดำเนินการได้ทันที

สำหรับเงินที่ถูกโอนเข้ามาในบัญชีของกรมบัญชีกลางนั้น จะถูกนำไปใส่ไว้ในเงินคงคลัง โดยกระทรวงการคลังจะไม่มีการนำเงินดังกล่าวออกไปใช้เพื่อหาประโยชน์ในทุกกรณี และจะไม่มีการกำหนดระยะเวลาการดูแลรักษาเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหว เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าของสถาบันการเงินทั้งหมด

"กฎหมายนี้ไม่ใช่การฮุบเงินในบัญชีประชาชน เนื่องจากปัจจุบันมีเงินในบัญชีเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหว 10 ปี ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้จะดีกับประเทศ เพราะจะทำให้ไม่ต้องกู้เงินเพื่อมาเติมใส่เงินคงคลังเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้ประเทศประหยัดต้นทุนดอกเบี้ยการกู้เงิน และกระทรวงการคลังก็ไม่มีเป้าหมายนำเงินดังกล่าวไปใช้เพื่อหาประโยชน์อะไร จะช่วยสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ฝากเงิน เพราะเป็นการป้องกันไม่ให้มีการนำเงินดังกล่าวไปใช้ประโยชน์อย่างไม่ถูกต้อง เนื่องจากที่ผ่านมาหลายสถาบันการเงินมีการเก็บเงินฝากในส่วนนั้นไว้ แต่ก็มีหลายแห่ง ที่รับรู้เงินฝากดังกล่าวเป็นรายได้แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเช่นกัน" นายอภิศักดิ์ กล่าว

นายอภิศักดิ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายที่ดูแลในส่วนนี้ และเพื่อเป็นการป้องกัน นักลงทุนรายย่อยไม่ให้ได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงในการลงทุนสกุลเงินดิจิทัล (คริปโตเคอเรนซี) และการระดมทุนในสกุลเงินดิจิทัล (ICO) เพราะอาจไม่ทราบว่ากำลังลงทุนในอะไรอยู่ และเพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการใช้เป็นข้ออ้างในการระดมทุนอย่างไม่เหมาะสม