posttoday

ยาสูบอ้อนคลังขอกู้โอดีเสริมสภาพคล่อง หลังภาษีใหม่ทุบส่วนแบ่งตลาดร่วง

12 มีนาคม 2561

โรงงานยาสูบเล็งขอกู้โอดี เสริมสภาพคล่องครั้งไม่เกิน 100 ล้าน หลังคาดว่าเงินจะตึงมือเพราะยอดขายหดช่วงไตรมาสแรกปีงบ 2562

โรงงานยาสูบเล็งขอกู้โอดี เสริมสภาพคล่องครั้งไม่เกิน 100 ล้าน หลังคาดว่าเงินจะตึงมือเพราะยอดขายหดช่วงไตรมาสแรกปีงบ 2562

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 มี.ค. โรงงานยาสูบได้หารือกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เรื่องแนวทางการกู้เงินเตรียมรับกับปัญหาสภาพคล่องที่ตึงตัวของโรงงานยาสูบ ซึ่งมีการประเมินว่า ผลจากการปรับภาษีสรรพสามิตใหม่ ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดในขณะนี้ลดเหลือ 56% จากเดิมมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ไม่ต่ำกว่า 80% คาดว่าจำนวนผลิตทั้งปีจะลดลงเหลือ 1.8 หมื่นล้านมวน จากเดิม 3.2 หมื่นล้านมวน ส่งผลต่อรายได้ ทำให้โรงงานยาสูบอาจมีปัญหาสภาพคล่องในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562

สำหรับแนวทางการหาสภาพคล่องที่หารือกับ สบน.มี 2-3 วิธี ได้แก่ การรอให้การแก้ไข พ.ร.บ.มีผลบังคับใช้ ทำให้โรงงานยาสูบยกระดับเป็นนิติบุคคล คาดว่ามีผลช่วงเดือน พ.ค. 2561 นี้ จึงเสนอแนวทางการกู้เงินว่าจะเป็นการกู้เพื่อลงทุนเพิ่มในส่วนที่่เกินจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้กันเงินจากรายได้มาใช้ลงทุนในโรงงานที่ 6 หรือจะเป็นการกู้เพื่อเสริมสภาพคล่อง ซึ่งต้องเสนอแผนให้ สบน.พิจารณาภายในเดือน ก.ค. 2561 นี้ และนำเรื่องรายงานให้ ครม.รับทราบ เพื่อรวบรวมในแผนก่อหนี้ของรัฐวิสาหกิจต่อไป

ทั้งนี้ หากดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว เกรงว่าจะล่าช้า เพราะยังต้องสรุปว่าจะเป็นการกู้เงินเอง หรือให้ สบน.หาแหล่งเงินกู้ให้ ซึ่งจากการหารือพบว่าโรงงานยาสูบสามารถกู้เงินในลักษณะโอดีจากสถาบันการเงินได้เอง แต่กรณีที่กู้เงิน 100 ล้านบาท/ครั้ง จะต้องรายงานให้ ครม.ทราบ จึงมีความเห็นว่าอาจใช้วิธีการกู้เงินโอดีในวงเงินที่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท เพื่อไม่ต้องรายงาน ครม. และทำให้การบริหารจัดการสภาพคล่องทำได้คล่องตัวมากกว่า

อย่างไรก็ดี แผนหาสภาพคล่องทั้งหมดนี้ยังต้องมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมินสถานการณ์ต่างๆ เช่น ยอดขาย การหารายได้อื่นๆ ต่อไป

ก่อนหน้านี้ นายยุทธนา หยิมการุณ ผู้ตรวจกระทรวงการคลัง กรรมการโรงงานยาสูบ ระบุว่า เดิมโรงงานยาสูบประเมินผลการดำเนินงานปี 2561 จะขาดทุน 1,500 ล้านบาท ทำให้ส่งรายได้ให้กับคลังไม่ได้ แต่สถานการณ์การตลาดทำให้ยอดขายดีขึ้นและยาเส้นที่ทดลองทำตลาดก็ได้รับการตอบรับดี ซึ่งน่าจะทำให้ผลการดำเนินงานของโรงงานยาสูบปี 2561 ไม่ขาดทุน แต่จะมีกำไรแต่ไม่มากเหมือนปี 2560 ที่มีกำไรถึง 9,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ได้ประเมินว่า ปี 2561 โรงงานยาสูบจะไม่มีปัญหาขาดสภาพคล่อง เพราะมีการกันเงินค่าใช้จ่ายไว้หมดแล้ว แต่ปี 2562 ทางผู้อำนวยการโรงงานยาสูบอาจจะกลัวว่าจะมีปัญหาสภาพคล่อง เพราะส่วนแบ่งการตลาดลดลงและกำไรของบุหรี่ต่อซองเหลือน้อยมาก แต่เรื่องจ่ายเงินเดือนพนักงานยังมีเพียงพอไม่มีปัญหาแต่อย่างใด