posttoday

รัฐวิสาหกิจกระหน่ำลงทุน

01 มีนาคม 2561

สคร.เผยผลเบิกจ่ายงบลงทุนเดือน ม.ค. พุ่งกว่า 2 หมื่นล้าน ขยายตัวถึง 47%

สคร.เผยผลเบิกจ่ายงบลงทุนเดือน ม.ค. พุ่งกว่า 2 หมื่นล้าน ขยายตัวถึง 47%

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ผลการ เบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในเดือน ม.ค. 2561 จำนวน 2.11 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากการเร่งลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มและสายสีเขียวของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยและโครงการจัดหาเครื่องบินของบริษัท การบินไทย ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจสะสมตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2561 ถึงเดือน ม.ค. เท่ากับ 3.91 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 89% ของแผนการเบิกจ่ายลงทุนสะสม โดยรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินการตามปีงบประมาณเบิกจ่ายได้ 2.85 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 79% ของแผนการ เบิกจ่ายลงทุนสะสม และรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินการตามปีปฏิทินเบิกจ่ายได้ 1.05 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 137% ของแผนการเบิกจ่ายลงทุนสะสม รัฐวิสาหกิจที่มีงบลงทุนขนาดใหญ่และเบิกจ่ายได้ตาม เป้าหมาย ได้แก่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การประปาส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง การเคหะแห่งชาติ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และบริษัท การบินไทย

นายเอกนิติ กล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมารัฐวิสาหกิจหลายแห่งสามารถเลื่อนการลงทุนให้เร็วขึ้น (Front-Load) นอกจากนี้ สคร.ได้ประสานผ่านกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจและผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ เพื่อเร่งรัดการลงทุนเพื่อช่วยผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศได้อย่างยั่งยืน

ก่อนหน้านี้ สำนักงบประมาณได้รายงานให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทราบถึงความคืบหน้าการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2561 ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2560-ม.ค. 2561 จากงบประมาณ 2.9 ล้านล้านบาท มีการเบิกจ่ายแล้ว 1.12 ล้านล้านบาท คิดเป็น 38.78% สูงกว่าเป้าหมาย 0.02% แยกเป็นการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำจาก 2.24 ล้านล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 1.01 ล้านล้านบาท คิดเป็น 45.13% สูงกว่าเป้าหมาย 3.67%

ทางด้านรายจ่ายลงทุนจาก 6.59 แสนล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 1.13 แสนล้านบาท คิดเป็น 17.22% ต่ำกว่าเป้าหมาย 12.35% ขณะที่สัดส่วนการก่อหนี้ผูกพันอยู่ที่จำนวน 2.95 แสนล้านบาท คิดเป็น 44.67%