เอสเอ็มอีแบงก์รุกให้สินเชื่อ ขอคลังเพิ่มทุน8,000ล้าน

เอสเอ็มอีแบงก์ ตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าให้ได้ 1 ล้านราย ภาย ใน 3 ปี

นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการ ผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการเอสเอ็มอีแบงก์มีมติเพิ่มทุนอีก 8,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีทุนอยู่ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการรายย่อยให้ได้ครบ 1 ล้านราย ภายใน 3 ปี หรือปี 2564 ตามยุทธศาสตร์ของธนาคาร ซึ่งเพิ่มจากปัจจุบันที่มีลูกค้ารวม 1 แสนราย

"การเพิ่มทุนครั้งนี้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เห็นชอบไว้ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2560 ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ ธพว.จะเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณา โดยใช้เงินกองทุนสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐทั้งหมด ซึ่งจะทำให้มีฐานะทางการเงินเข้มแข็งขึ้นรองรับการปล่อยกู้ในอนาคต โดยเฉพาะการมีกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงจะรักษาระดับที่ 11.5% มากกว่าที่กฎหมายกำหนดที่ 8.5% ส่วนหนี้เสียตามแผน 3 ปี ก็จะลดลงเหลือ 8% จากปัจจุบันที่มีอยู่ 16%" นายมงคล กล่าว

นายมงคล กล่าวว่า เป้าการเพิ่มลูกค้าสินเชื่อได้ถึง 10 เท่า เนื่องจากธนาคารมีการปรับยุทธศาสตร์การปล่อยกู้จากเดิมที่ปล่อยผู้ประกอบการรายใหญ่เป็นหลัก โดยมีวงเงินปล่อยกู้เฉลี่ยรายละ 3.2 ล้านบาท ให้ไปเน้นมาปล่อยกู้แก่เอสเอ็มอีรายย่อย ธุรกิจคนตัวเล็ก วิสาหกิจชุมชนในระดับท้องถิ่น เอสเอ็มอีสตาร์อัพ ซึ่งใช้วงเงินไม่สูงแทน โดยจะทำให้วงเงินปล่อยกู้ลดเหลือเพียง 3.2 แสนบาท

ล่าสุด ธนาคารยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน 3 สถาบันภาครัฐ กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ จัดทำโครงการ พัฒนาผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ และเอสเอ็มอีก้าวไกลครบวงจร เพื่อช่วย ยกระดับความสามารถทางการแข่งขันของเอสเอ็มอีให้แข็งแกร่ง

ทั้งนี้ ธพว.จะสนับสนุนแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ 5.8 หมื่นล้านบาท เช่น โครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชนวงเงินรวม 5 หมื่นล้านบาท ดอกเบี้ย 3 ปีแรก 3% ต่อปี วงเงินกู้ไม่เกิน 5 ล้านบาท ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 4 ปี และโครงการสินเชื่อเพื่อเอสเอ็มอีคนตัวเล็กอีก 8,000 ล้านบาท เน้นช่วยผู้ประกอบการที่เรียกว่า จุลเอสเอ็มอี กู้ได้สูงสุด 1 ล้านบาท ดอกเบี้ย 1% ต่อปี ตลอด 7 ปี และปลอดชำระเงินต้น 3 ปีแรกด้วย เพื่อให้โอกาสผู้ประกอบการตัวเล็ก โดยตั้งเป้าหมายปล่อยกู้ได้ 7.7 หมื่นราย ในจำนวนนี้ 20% จะเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพ