ตั้งเป้ารีดภาษี8แสนล.

กรมสรรพสามิตศึกษาการเก็บภาษีใหม่ คาดปีงบประมาณ 2564 รายได้เพิ่ม 8 แสนล้าน

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ทางกรมได้ศึกษาการเก็บภาษีใหม่ๆ เพิ่ม เช่น การเก็บภาษีรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ตามการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 เหมือนกับการเก็บภาษีรถยนต์ เนื่องจากมอเตอร์ไซค์มีการจำหน่ายจำนวนมากและสร้างมลพิษกับสภาพอากาศ

ก่อนหน้านี้ กรมสรรพสามิตได้เก็บภาษีรถยนต์ตาม CO2 จากที่เก็บตามขนาดเครื่องยนต์ ซึ่งทำให้เก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น และทำให้สินค้าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังศึกษาการเก็บภาษีสรรพสามิตขยะอิเล็กทรอนิกส์ วัตถุที่เกี่ยวข้องกับพลังงานและทำให้เกิดมลพิษ เช่น ถ่านหิน การเก็บภาษีสรรพสามิตที่ทำให้น้ำและอากาศเกิดมลพิษ ซึ่งเจ้าของสินค้าหรือโรงงานผู้ผลิตต้องจ่ายภาษี เพราะรัฐบาลต้องเสียงบประมาณกำจัดขยะและแก้ไขมลพิษจากการปล่อยของเสียจำนวนมาก ดังนั้นหากภาษีตัวไหนได้ข้อสรุปก็จะเสนอคลังให้เก็บภาษีดังกล่าวก่อนไม่ต้องรอเก็บพร้อมกันทุกตัว

อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวอีกว่า คณะกรรมการกฤษฎีกายังไม่ได้ตอบเรื่องการแก้ไขปัญหาอัตราภาษีบุหรี่ใหม่มาให้กรมสรรพสามิตอย่างเป็นทางการ ซึ่งได้ใช้อัตราภาษีบุหรี่ใหม่มาได้ 6 เดือนแล้ว ผู้ประกอบการต่างๆ ปรับกลยุทธ์การขายเป็นไปตามกลไกตลาดมากขึ้น การเก็บภาษีบุหรี่ของกรมก็ได้ตามคาดไว้ ดังนั้นอาจจะไม่จำเป็นออกมาตรการใดๆ เพิ่มเติม หากโรงงานยาสูบรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้ได้ มีรายได้ และกำไรกลับมาในอีกไม่ถึง 1 ปีครึ่ง

"บุหรี่ทุกยี่ห้อก็ต้องเสียภาษีในอัตราเดียวกันถือตามปริมาณ 1.20 บาท/มวน และตามมูลค่า 40% จากปัจจุบันภาษีตามมูลค่าบุหรี่ที่ราคาไม่เกินซองละ 60 บาท เสียอยู่ที่ 20% และเกิน 60 บาท เสียอยู่ที่ 40%" นายกฤษฎา กล่าว

สำหรับการส่งเงินภาษีบาปจากบุหรี่และสุราเข้ากองทุนคนผู้สูงอายุ 2% ของภาษีที่เริ่มแล้วไม่มีผลต่อราคาขายปลีกเพิ่มขึ้น เพราะต่อซองมีต้นทุนเพิ่มขึ้นไม่ถึง 20 สตางค์

นายกฤษฎา กล่าวว่า การเก็บภาษีของกรมสรรพสามิต 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 เก็บได้เกินกว่าเป้าหมายกว่า 1,000 ล้านบาท จากการเก็บภาษีรถยนต์และสุราได้เกินเป้าหมาย ส่วนภาษีบุหรี่ทรงตัวได้ตามเป้าหมาย ภาษีน้ำมันต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากมีการใช้รถประหยัดน้ำมันมากขึ้น คาดว่าทั้งปีจะเก็บได้ตามเป้าหมาย 6  แสนล้านบาท  โดยในปีงบประมาณ 2564 คาดว่าจะเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นเป็น 8 แสนล้านบาท