posttoday

ตั้งเป้าไทยติด 1 ใน 20 ทำธุรกิจง่าย

16 มกราคม 2561

รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยติด 1 ใน 20 ของการจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจของโลกในปีนี้

โดย...กนกวรรณ บุญประเสริฐ

เมื่อวันที่ 15 ม.ค. คณะกรรมการ Doing Business ประชุมร่วมกับกระทรวงการคลังประชุมหารือ เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาอุปสรรคการลงทุน เพื่อผลักดันยกอันดับ Doing Business (ความยากง่ายการทำธุรกิจ) ของไทยติด 1 ใน 20 ปีนี้ จากปีที่แล้วที่อยู่อันดับ 26

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุม ความยากง่ายในการทำธุรกิจ หรือ Doing Business จะต้องเร่งปฏิรูปกฎหมาย โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลให้เกิดความชัดเจนภายในไตรมาส 1/2561 เพื่อให้การจัดอันดับการทำธุรกิจยากง่ายของธนาคารโลก (World Bank) ต่อประเทศไทยมีอันดับที่ดีขึ้นจากปีที่แล้วที่เพิ่มขึ้นกว่า 20 อันดับ

กอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมเพื่อเตรียมงานเก่าที่ยังทำต่อเนื่องในปีนี้แต่เตรียมแผนงานใหม่เพิ่มเติม สำหรับการเดินทางมาตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ธนาคารโลกในช่วงกลางเดือน มิ.ย.นี้ ก่อนที่จะมีการประกาศการจัดอันดับใหม่ในช่วงเดือน ก.ย. 2561

ทั้งนี้ ในปีนี้รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้ประเทศติด 1 ใน 20 ของการจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจของโลกในปีนี้ จากปีก่อนประเทศไทยได้รับการปรับอันดับขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดจากอันดับที่ 46 มาเป็นอันดับที่ 26 จาก 190 ประเทศทั่วโลก ถือเป็นการปรับอันดับที่ดีมากเป็นอันดับที่ 2

สำหรับประเด็นที่เห็นว่าในปีที่ผ่านมายังต้องมีการแก้ไขปรับปรุงได้แก่ เรื่อง งานก่อสร้าง การจดทะเบียนสินทรัพย์ และล้มละลาย โดยมีเรื่องใหญ่ที่ต้องทำต่อเนื่อง ได้แก่ เรื่องการแก้กฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้ากำลังพัฒนาเรื่องการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนเป็นอัตราคงที่เรื่องระเบียบการก่อสร้างของกรุงเทพมหานคร

รวมถึงการทำเรื่องดิจิทัลเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ ซึ่งตั้งเป้าหมายจะทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านระบบดิจิทัลให้ได้ภายในปีนี้ นอกจากนี้ยังต้องเร่งเรื่องการทำการประชาสัมพันธ์เนื่องจากพบว่าในปีที่ผ่านมามีงานหลายด้านที่ทำไปแล้ว แต่ผลสำรวจของธนาคารโลกจากผู้ที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่ยังขาดการรับรู้ความคืบหน้าในงานต่างๆ ที่ได้ทำออกไปแล้ว

สำหรับรูปแบบการทำงานที่มีกระทรวงการคลังและคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) จัดให้มีการประชุมติดตามการดำเนินการปรับปรุงด้านต่างๆ ทุก 2 เดือน และเชิญให้ผู้แทนจากธนาคารโลกเข้ามารับทราบการปรับปรุงด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ไทยได้รับการจัดอันดับดีขึ้น ซึ่งนับเป็นเรื่องสำคัญเพราะนักลงทุนให้ความสำคัญเรื่องนี้ ขณะที่ประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการแข่งขันสูงในเรื่องนี้ โดยประเทศอินโดนีเซียก็ขยับอันดับขึ้นมาเร็วเช่นกัน แต่การที่ประเทศไทยดำเนินการได้เร็วกว่าและอันดับตามหลังเพียงประเทศมาเลเซีย

ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) กล่าวว่า สมคิดสั่งการให้จัดตั้งคณะกรรมการกฎหมายด้านดิจิทัล ร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลัง และภาคเอกชนในแก้ไขปรับปรุงกฎหมายบางเรื่องที่ยังเป็นอุปสรรค เพื่อให้ตรงความต้องการของทาง ธนาคารโลก (World Bank)

โดยปีนี้มีเป้าหมายที่จะขยับอันดับการทำธุรกิจคล่องให้ติด 20 ประเทศ จากปัจจุบันไทยอยู่ในอันดับที่ 26 ซึ่งยอมรับว่าเป็นเรื่องค่อนข้างยาก เพราะประเทศใน 20 อันดับแรกส่วนใหญ่มีความพร้อมมาก แต่ไทยก็จะพยายามดูช่องทางโดยเฉพาะในเรื่องดิจิทัลว่ามีอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงได้อีกหรือไม่

นอกจากนี้ สมคิดสั่งการให้เปลี่ยนระบบราชการทุกอย่างเป็นดิจิทัลให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี แม้ว่าที่ผ่านมาส่วนราชการจะพัฒนาไปบ้างแล้ว เช่น ระบบ e-Registration แต่ก็ยังมีคนใช้น้อย จากความเคยชินในการใช้เอกสาร รวมทั้งใช้มาตรการจูงใจให้คนมาใช้ระบบดิจิทัลมากขึ้น เช่น ในต่างประเทศ หากมีการยื่นเอกสารจะมีค่าธรรมเนียมสูงกว่ายื่นในระบบดิจิทัล

สำหรับรายงาน Doing Business ของธนาคารโลกมีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบสภาพแวดล้อมและการอำนวยความสะดวกของภาครัฐในการประกอบธุรกิจของเอกชนในประเทศต่างๆ ครอบคลุมตัวชี้วัดของวงจรธุรกิจตั้งแต่การเริ่มจัดตั้งธุรกิจ การดำเนินธุรกิจ และการเลิกธุรกิจ

โดยกำหนดตัวชี้วัดรวมทั้งสิ้น 10 ด้านประกอบด้วย 1) ด้านการเริ่มต้นธุรกิจ 2) ด้านการขออนุญาตก่อสร้าง 3) ด้านการขอใช้ไฟฟ้า 4) ด้านการจดทะเบียนทรัพย์สิน 5) ด้านการได้รับสินเชื่อ 6) ด้านการคุ้มครองผู้ลงทุนเสียงข้างน้อย 7) ด้านการชำระภาษี8) ด้านการค้าระหว่างประเทศ 9) ด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง และ 10) ด้านการแก้ปัญหาการล้มละลาย