posttoday

ปปง.พบ4,000บัญชีต้องสงสัยเข้าข่ายรับจ้างเปิดเพื่อกระทำผิด

15 มกราคม 2561

ปปง. ร่วมแบงค์ชาติ กรมการปกครอง กำชับ 36 สถาบันการเงินปฏิบัติตามกฎหมายฟอกเงินเคร่งครัดป้องกันคนร้ายเปิดบัญชีกระทำผิด

ปปง. ร่วมแบงค์ชาติ กรมการปกครอง กำชับ 36 สถาบันการเงินปฏิบัติตามกฎหมายฟอกเงินเคร่งครัดป้องกันคนร้ายเปิดบัญชีกระทำผิด

เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. ร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติ กับธนาคารแห่งประเทศไทยและและกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย รวมทั้งสถาบันการเงินภาคธุรกิจธนาคาร จำนวน 36 แห่ง

พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ กล่าวว่า  เนื่องจากสถาบันการเงินซึ่งเป็นหน่วยงานที่จะต้องปฏิบัติงานให้เป็นไปตามกฎหมายฟอกเงิน ประกอบกับสถาบันการเงินเป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจะต้องปฏิบัติ ตามกฎหมายฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับการเปิดบัญชีและการรายงานธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัยมายังสำนักงาน ปปง. โดยที่ผ่านมาพบว่าได้มีการเปิดบัญชีธนาคาร ซึ่งใช้วิธีการขโมยข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชนผู้อื่นนำไปเปิดบัญชี ธนาคารและใช้รับโอนเงินจากการกระทำความผิดมายังบัญชีดังกล่าว ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของ บัตรประชาชน ในวันนี้ สำนักงาน ปปง. จึงได้เชิญธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารทั้ง 36 แห่ง มาร่วมประชุม เพื่อทำความเข้าใจกันและได้กำหนดมาตรการเพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปตามกฎหมายฟอกเงินอย่างเคร่งครัด ประกอบด้วย

1.ให้เพิ่มความเข้ม เกี่ยวกับมาตรการในการแสดงตนและการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริง ของผู้เปิด บัญชีให้เป็นตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ซึ่งการกำหนดหลักเกณฑ์ถึงการแสดงตนนั้น กำหนดให้ลูกค้าต้องแสดงข้อมูลและหลักฐานอย่างน้อย 7 อย่าง ประกอบด้วย 1.ชื่อ สกุล 2.วัน เดือน ปีเกิด 3.เลขประจำตัวประชาชน 4.ที่อยู่ตามทะเบียนและที่อยู่ปัจจุบัน 5.อาชีพ สถานที่ทำงาน 6.ข้อมูลการติดต่อ เช่น หมายเลขโทรศัพท์ 7.ลายมือชื่อผู้ทำธุรกรรม อีกทั้งให้มีการตรวจสอบทางกายภาพ เช่น รูปร่างหน้าตา ว่าตรงกับ หลักฐานที่นำมาแสดงหรือไม่ นอกจากนี้ขอให้สถาบันการเงินประสานกับกรมการปกครอง ในการติดตั้งโปรแกรม เพื่อตรวจสอบสถานะของบัตรประชาชน ว่ามีเป็นบัตรที่สามารถใช้ได้อยู่หรือไม่ มีการยกเลิกเพิกถอน หรือแจ้งหาย ไว้หรือไม่

2.ให้สถาบันการเงินกำหนดมาตรการในการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า ในความรับผิดชอบ เพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทำธุรกรรมที่ยังสอดคล้องกับข้อมูลที่ลูกค้าเจ้าของบัญชีหรือไม่ โดยทางสถาบันการเงินจะทำการติดต่อไปยังเจ้าของบัญชีตามที่อยู่ที่ปรากฏตามทะเบียนราษฎร์ เพื่อให้ทำการยืนยัน และรับรองสถานะบัญชีดังกล่าว หากเจ้าบัญชีไม่ทำการยืนยันและรับรองสถานะทางบัญชี ทางสถาบันการเงิน จะดำเนินการเฝ้าระวังบัญชีดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและประสานงานมายังสำนักงาน ปปง. และหน่วยงานบังคับ ใช้กฎหมาย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

3.มาตรการป้องกันปราบปรามการรับจ้างเปิดบัญชี โดยสำนักงาน ปปง.ร่วมกับสถาบันการเงิน ได้ทำการตรวจสอบธุรกรรมและบัญชีต้องสงสัยว่าเข้าข่ายเป็นการรับจ้างเปิดบัญชีหรือเป็นบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการ กระทำความผิด หรือไม่ ไม่ว่าเป็นกรณีของแก๊ง Call Center กระบวนการค้ายาเสพติด การพนันออนไลน์ หรือความผิดมูลฐานอื่นๆ หากสถาบันเงินพบว่ามีพฤติการณ์ชัดเจนที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือเป็นการ รับจ้างเปิดบัญชี ทางสถาบันเงินจะรายงานมายังสำนักงาน ปปง. เพื่อขยายผลดำเนินคดีกับเจ้าของบัญชีดังกล่าว

"จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามีบัญชีต้องสงสัยที่เข้าข่ายพฤติการณ์ดังกล่าว จำนวนกว่า 4,000 บัญชี ซึ่งสำนักงาน ปปง. จะได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำการสืบสวนขยายผลเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย อย่างจริงจังต่อไป" พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ กล่าว

พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ กล่าวว่า ขอฝากไปถึงพี่น้อง ประชาชนบางคนที่อาจถูกหลอกหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขอให้รีบติดต่อประสานมายัง สำนักงาน ปปง. โดยเร่งด่วน หรือเบื้องต้นอาจจะโทรศัพท์เข้ามาแจ้งที่ ศปก.ปปง. สายด่วน 1710 และขอฝากให้พี่น้องประชาชนได้ช่วยกัน ประชาสัมพันธ์ให้กับบุคคลใกล้ชิดทราบถึงโทษในการรับจ้างเปิดบัญชี หากผู้ใดได้เคยให้บัญชีธนาคารและ ให้บัตรเอทีเอ็มกับมิจฉาชีพไป ไม่ว่าจะมีกี่ธนาคารกี่บัญชี ขอให้รีบไปปิดบัญชี และติดต่อประสานมายัง สำนักงาน ปปง. โดยเร่งด่วน เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มมิจฉาชีพนำบัญชีดังกล่าวไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด เพราะหากคนร้ายได้นำบัญชีไปใช้ก็จะต้องถือเป็นผู้มีส่วนในการกระทำความผิด และถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทันที