ตั้งกองทุนสตาร์ทอัพเกษตร

รองนายกฯ สมคิดสั่ง ธ.ก.ส.ตั้งกองทุนสตาร์ทอัพเกษตรกรลดดอกเบี้ย หวังปฏิรูปภาคการเกษตรครั้งใหญ่  ดันมาตรการช่วยคนจนเข้าครม.สัปดาห์หน้า

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายผู้บริการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ว่า ในปี 2561 ธ.ก.ส.ต้องปฏิรูปภาคการเกษตรเอสเอ็มอี และการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยการจัดตั้งกองทุนสตาร์ทอัพเพื่อเกษตรกร เหมือนกับที่ธนาคารพาณิชย์ตั้งกองทุนให้ลูกค้าสตาร์ทอัพ

"ธ.ก.ส.มีหน้าที่ในการช่วยเหลือลดต้นทุนให้เกษตรกร เช่น อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่ MRR หรือ 7% มีความเป็นไปได้ที่จะปรับลดลง ฝากให้ รมว.คลัง ดูแลว่าธนาคารจะสามารถลดดอกเบี้ยให้ลูกค้าได้ไหม" นายสมคิด กล่าว

ด้าน นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า นายสมคิดได้มอบหมายนโยบาย 2 เรื่อง คือ 1.ให้ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในโครงการสวัสดิการแห่งรัฐให้มีรายได้ดีขึ้น โดยเฉพาะผู้อยู่ต่ำกว่าเส้นยากจน 3 หมื่นบาท/ปี มีเกษตรกรมาลงทะเบียนคนจน 3.9 ล้านราย เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.กว่า 1 ล้านราย และเกษตรกรทั่วไปกว่า 2 ล้านราย ซึ่งจะช่วยเหลือผ่าน 3 มาตรการ 9 โครงการ จะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ดีขึ้น คลังจะเสนอพร้อมกับมาตรการบัตรผู้มีรายได้น้อยเฟส 2 ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในสัปดาห์หน้า

สำหรับเรื่องที่ 2.การแก้ปัญหาโครงสร้างภาคการเกษตรทั้งระบบ โดยปัจจุบันที่ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เนื่องจากไม่เคยมีการปฏิรูปมากว่า 50 ปี ในขณะที่เทคโนโลยีก้าวหน้ามากขึ้น จึงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทัน ซึ่งปัญหาสำคัญเกษตรกรปลูกพืชที่ขายไม่ได้ในตลาดโลก จึงสั่งให้ ธ.ก.ส.ไปหารือร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนดแนวทางการปฏิรูปที่ชัดเจน ภายในไตรมาส 1/2561 เพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณเป็นการเร่งด่วน

นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า 3 มาตรการ 9 โครงการที่จะเสนอ ครม. ประกอบด้วย 1.มาตรการพัฒนาตัวเอง มี 2 โครงการ ในการให้ความรู้ทางการเงินกับเกษตรกร เป้าหมาย 1.09 ล้านราย 2.มาตรการพัฒนาอาชีพและเสริมรายได้จากสินเชื่อ 2 โครงการ เป้าหมาย 7.84 แสนราย และ 3.มาตรการลดภาระหนี้สินทั้งในระบบและนอกระบบ รวม 5 โครงการ 3.3 ล้านราย ในส่วนมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่มีรายได้น้อย 4.1 ล้านราย ธ.ก.ส.จะช่วยเหลือสินเชื่อ 9.5 หมื่นล้านบาท ใน 3 ปีโดยขอรับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล 8,000 ล้านบาท