posttoday

ครม.เคาะคุมเงินเฟ้อ1-4% ธปท.มั่นใจบริหารได้ตามเป้า

20 ธันวาคม 2560

ครม.เห็นชอบเป้าหมายเงินเฟ้อปี 2561 ที่ 2.5% บวก/ลบ 1.5% หรืออยู่ในกรอบ 1-4% ด้าน ธปท. หนุนแบงก์เล็กควบรวมกิจการ

ครม.เห็นชอบเป้าหมายเงินเฟ้อปี 2561 ที่ 2.5% บวก/ลบ 1.5% หรืออยู่ในกรอบ 1-4%  ด้าน ธปท. หนุนแบงก์เล็กควบรวมกิจการ

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี  (ครม.) เห็นชอบเป้าหมายเงินเฟ้อปี 2561 ที่ 2.5% บวก/ลบ 1.5% หรืออยู่ในกรอบ 1-4% ถือเป็นเป้าหมายการเงินสำหรับระยะปานกลาง และเป็นระดับที่เอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดีกว่าปีก่อน

"ธปท. มั่นใจว่าในปี 2561 จะสามารถบริหารกรอบเงินเฟ้อให้อยู่ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกในปีหน้ามีความแข็งแกร่ง ซึ่งจะทำให้สามารถบริหารเงินเฟ้อได้ดีขึ้น ขณะที่ปีนี้อัตราไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากมีปัจจัยเรื่องความผันผวนของราคาน้ำมันเป็นสำคัญ" นายณัฐพร กล่าว

น.ส.ณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า คาดการณ์เงินเฟ้อในปี 2561 จะเร่งตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1.1% จากระดับ 0.8% ในปีนี้ โดยเป็นการเพิ่มขึ้นผ่านต้นทุนสินค้า ทั้งราคาพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้นตามสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบปีหน้าจะอยู่ที่ 55 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จาก 52 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ ขณะที่ต้นทุนด้านแรงงานอาจเพิ่มขึ้นจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและผลของ พ.ร.ก.แรงงานต่างด้าว ซึ่งต้นทุนที่เพิ่มสะท้อนในราคาสินค้า นอกจากนี้ ผลจากการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตเมื่อเดือน ก.ย. 2560 จะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 ด้วย
 
อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่ฉุดเงินเฟ้อไม่สูงขึ้นมาก คือ ราคาพลังงานที่ปรับขึ้นในกรอบจำกัดเพราะมีอุปทานน้ำมันส่วนเกิน ราคาอาหารสดยังเผชิญความท้าทายเรื่องปริมาณล้นตลาด และกำลังซื้อของผู้บริโภคฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงการคลังสนับสนุนการควบรวมธนาคารพาณิชย์ ให้มีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้นว่า นโยบายดังกล่าวถือเป็นประโยชน์ในการช่วยขจัดอุปสรรคส่งเสริมให้ธนาคารพาณิชย์ควบรวมกิจการกันเพื่อให้เกิดความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางที่ดี แต่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของธนาคารเอง

ทั้งนี้ มองว่า ปัจจุบันธนาคารในภูมิภาคมีขนาดใหญ่กว่าธนาคารของไทยมากหากธุรกิจธนาคารไทยสามารถมีขนาดใหญ่ขึ้นมีการออกไปทำธุรกรรมในต่างประเทศมากขึ้น ก็จะเป็นเรื่องที่ดี

ก่อนหน้านี้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า มีแนวคิดให้ธนาคารในประเทศควบรวมกิจการเพื่อสร้างแบงก์แชมเปี้ยน รองรับการปล่อยสินเชื่อ ผู้ประกอบการรายใหญ่ และนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศ รวมทั้งยังแข่งขันกับธนาคารต่างประเทศได้