posttoday

สรรพสามิตปัดตีความช่วยยาสูบ

29 พฤศจิกายน 2560

สรรพสามิตยันเสนอกฤษฎีกาตีความราคาขายปลีกแนะนำ หวั่นเป็นการแทรกแซงตลาดผิด WTO

สรรพสามิตยันเสนอกฤษฎีกาตีความราคาขายปลีกแนะนำ หวั่นเป็นการแทรกแซงตลาดผิด WTO

แหล่งข่าวจากกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิตไม่สามารถกำหนดราคาขายบุหรี่ว่าห้ามขายถูกหรือขายแพงตามข้อเสนอของโรงงานยาสูบได้ เพราะเป็นเรื่องของกลไกตลาด และที่ผ่านมาตอนออกกฎหมายภาษีสรรพสามิตใหม่ได้หารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วว่าเข้าไปกำหนดราคาขายทำไม่ได้ เพราะจะเป็นการแทรกแซงทางการค้า ไม่สามารถเขียนไว้ในกฎหมายได้

"การห้ามขึ้นหรือลดราคาบุหรี่ไม่สามารถทำได้ นอกจากเป็น การแทรกแซงทางการค้าแล้ว ยังจะทำให้เกิดปัญหาในอนาคตเพิ่มขึ้นอีกว่า บุหรี่ที่ลดต้นทุนและ กำไรไม่สามารถลดราคาได้ ขณะเดียวกันอาจจะมีบุหรี่ที่ต้นทุนเพิ่มและมีปัญหาขึ้นราคาไม่ได้ ซึ่งบุหรี่ต่างประเทศเตรียมฟ้ององค์การการค้าโลก หรือ WTO ว่ากรมสรรพสามิตช่วยเหลือบุหรี่ในประเทศ" แหล่งข่าวเปิดเผย

ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างหามาตรการแก้ไขปัญหาของโรงงานยาสูบ ซึ่งต้องมีการหารือกับโรงงานยาสูบอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อไม่ให้มีปัญหาช่วยเหลือผู้ประกอบการเฉพาะกลุ่ม ซึ่งยังสรุปไม่ได้ว่ามาตรการช่วยเหลือจะออกมาอย่างไร

อย่างไรก็ตาม กรมสรรพสามิตยืนยันว่า โครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ทำให้มีการแข่งขันเสรีและมีความโปร่งใสในการเก็บภาษี และยัง เชื่อว่าโรงงานยาสูบยังแข่งขันได้ ไม่ถึงขั้นขาดทุนอย่างที่คาดการณ์ออกมา

นอกจากนี้ กรมสรรพสามิตยังต้องขอหารือนโยบายจากกระทรวงการคลังว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร หลังจาก นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ออกมาระบุว่า ไม่สามารถพักการใช้กฎกระทรวงการเก็บภาษีบุหรี่ใหม่ได้ รวมถึงการชดเชยให้โรงงานยาสูบก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นผลกระทบจากกฎหมาย ไม่ได้เป็นนโยบายของรัฐบาลที่ให้ไปลดราคาสินค้าเพื่อช่วยเหลือประชาชน

ก่อนหน้านี้ น.ส.ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้อำนวยการยาสูบ ออกมาชี้แจงผลกระทบจาก พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ทำให้เกิดช่องโหว่มีการปรับราคาขายปลีกแนะนำ กระทบต่อยอดขายบุหรี่ในเดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 ส่วนแบ่งการตลาดเหลือ 50% จากเดิมมีอยู่ 80% คาดว่าในปีนี้จะมียอดขายที่ 1.7 หมื่นล้านมวน มีผลขาดทุนไม่น้อยกว่า 1,575 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากกรณีที่ยังไม่มีการทบทวนโครงสร้างภาษีใหม่ คาดว่ายอดขายบุหรี่ของโรงงานยาสูบในปี 2562 จะลดลงเหลือ 8,500 ล้านมวน และอาจจะขาดทุนถึง 5,000 ล้านบาท

ภาพประกอบข่าว