เอดีบีปล่อยกู้ไทย5หมื่นล้าน

ธนาคารพัฒนาเอเชีย พร้อมปล่อยกู้ 5 โครงการรัฐ อีก 3 ปีข้างหน้า วงเงิน 5 หมื่นล้าน เน้นพื้นที่อีอีซี

นายฮิเดอากิ อิวาซากิ ผู้อำนวยการสำนักงานผู้แทนธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ประจำประเทศไทย เปิดเผยหลังเข้ารับตำแหน่งว่า ตั้งแต่ปี 2561-2563 มีโครงการของรัฐบาลไทยที่อยู่ในแผนที่เอดีบีจะปล่อยกู้ให้ 5 โครงการด้านโครงสร้าง พื้นฐาน การขนส่ง 4 โครงการ และอีกโครงการเป็นด้านยกระดับความสามารถด้านนวัตกรรม รวมมูลค่าวงเงินที่คาดว่าจะปล่อยกู้วงเงิน 1,590 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5.24 หมื่นล้านบาท

สำหรับโครงการในแผน ได้แก่ ปี 2561 โครงการเพิ่มขีดความสามารถด้านนวัตกรรมให้กับภาคอุตสาหกรรม และโครงการพัฒนารถไฟฟ้าส่วนต่อขยายตอนใต้สาย สีม่วง ปี 2562 โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายฝั่งตะวันตก สายสีส้มและโครงการปรับปรุงท่าอากาศยาน ส่วนปี 2563 เป็นโครงการปรับปรุงรถไฟ

ขณะที่ปีนี้มีเพียงโครงการเดียวที่ปล่อยกู้ไป คือโครงการก่อสร้างทางหลวงส่วนต่อขยายไปสู่ภูมิภาค ลุ่มน้ำโขง ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพิ่งอนุมัติ ซึ่งเป็นการอนุมัติการปล่อยกู้ครั้งแรกในรอบ 7 ปี เนื่องจากก่อนหน้านี้ไทยมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองบ่อยครั้ง ทำให้ไม่มีโครงการใดมายื่นเสนอให้มีการพิจารณาปล่อยกู้

"การปล่อยกู้ต้องใช้ระยะเวลาศึกษา พิจารณาและอนุมัติหลาย ขั้นตอน อย่างไรก็ตาม แม้ไม่ได้ปล่อยกู้ แต่ตลอดช่วงที่ผ่านมา เอดีบีก็สนับสนุนรัฐบาลไทยใน รูปแบบให้คำปรึกษาเชิงเทคนิคด้านต่างๆ เช่น การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (พีพีพี) ควรมีกระบวนการเลือกเอกชนอย่างไร รูปแบบการเลือกเป็นแบบไหน" นายอิวาซากิ ระบุ

นอกจากนี้ เอดีบียังร่วมมือกับไทยมาร่วม 50 ปีแล้ว มีความสัมพันธ์แข็งแกร่ง เอดีบีไม่ใช่เพียงให้ เงินกู้ แต่ทำงานร่วมกันด้วย ในด้านการปล่อยกู้ หลักๆ เป็นการปล่อยกู้โครงการด้านพลังงานทางเลือก รวมถึงโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเอดีบีมองหาช่องทางสนับสนุนโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ไทยกำลังผลักดันอยู่

ผู้อำนวยการเอดีบี กล่าวอีกว่า แนวทางการผลักดันอีอีซีเป็นเรื่องน่าสนใจ แต่ประเด็นที่ท้าทายคือการเตรียมบุคลากรที่มีทักษะรองรับ หากรัฐบาลต้องการผลักดัน 10 อุตสาหกรรมหลัก ซึ่งส่วนใหญ่เน้นเรื่องนวัตกรรมก็ต้องมีบุคลากรพร้อม รวมถึงส่งเสริมการทำวิจัยและพัฒนามากขึ้น เพื่อให้มีนวัตกรรมที่สร้างจากไทยส่งออกไปต่างประเทศด้วย ไม่ใช่เพียงรับเทคโนโลยีเข้ามา

ขณะเดียวกัน รัฐบาลควรสร้างการรับรู้และความตื่นตัวให้ชัดเจนขึ้นกับคนในพื้นที่ รวมถึงนักลงทุนว่า อีอีซีต่างจากโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (อีสเทิร์นซีบอร์ด) อย่างไร