posttoday

หวั่นภาษีเหล้า-ไวน์-บุหรี่ใหม่ทำไทยโดนข้อหากีดกันทางการค้า

03 กันยายน 2560

นักวิชาการเตือนโครงสร้างจัดเก็บภาษีเหล้า-ไวน์-บุหรี่ใหม่ หวั่นไม่เท่าเทียม-เอื้อของถูก หวั่นไทยโดนข้อหากีดกันทางการค้า

นักวิชาการเตือนโครงสร้างจัดเก็บภาษีเหล้า-ไวน์-บุหรี่ใหม่ หวั่นไม่เท่าเทียม-เอื้อของถูก หวั่นไทยโดนข้อหากีดกันทางการค้า

เมื่อวันที่ 3 ก.ย. รศ. ดร.อรรถกฤต ปัจฉิมนันท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นต่อกรณีกระแสข่าวเรื่องการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตให้กลุ่มสุรา-ยาสูบที่จะมีการนำเสนอเข้าครม. ภายใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้าโดยเตือนถึงโครงสร้างการจัดเก็บที่ยกเว้นภาษีขามูลค่าเพื่อหนุนผู้ประกอบการในประเทศ หวั่นไทยโดนข้อหากีดกันทางการค้า

กรณีของกลุ่มสินค้าไวน์ที่มีการนำเสนอในกระแสข่าวซึ่งจะมีการปรับเกณฑ์การยกเว้นการเก็บภาษีตามฐานมูลค่าจากปัจจุบันที่ใช้เกณฑ์ราคาขายส่งช่วงสุดท้ายขวดละไม่เกิน 600 บาท มาเป็นเกณฑ์ราคาขายปลีกขวดละไม่เกิน 1,000 บาท นั้น ถือว่าไม่เป็นไปตามหลักความเป็นธรรม อีกทั้งอัตราภาษีตามมูลค่าย่อมแปรผันตามราคาอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่จะใช้ราคาเป็นเกณฑ์ยกเว้นภาษีตามมูลค่าอีก

"น่าเสียดายที่การปฏิรูปในครั้งนี้ยังไม่เลิกระบบที่ซับซ้อนและบิดเบือนกลไกตลาดเช่นนี้ การที่รัฐให้เหตุผลว่าการกำหนดเกณฑ์ดังกล่าวเพื่อหนุนผู้ผลิตไวน์ในประเทศที่มีอยู่ราว 6-7 ราย ถือเป็นนโยบายที่สุ่มเสี่ยงขัดความตกลงขององค์การการค้าโลก (WTO) เพราะกติกาการค้าระหว่างประเทศก็คือห้ามใช้มาตรการใดๆ ในการปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศจากการแข่งขันของสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ จึงอยากให้กรมสรรพสามิตและกระทรวงการคลังพิจารณาในจุดนี้ให้ดี การสร้างระบบการจัดเก็บภาษีที่เอื้อให้กับผู้ผลิตในประเทศอาจถูกคู่ค้าต่างชาติตั้งคำถามในประเด็น  trade discrimination หรือ การกีดกันทางการค้า"รศ.ดร.อรรถกฤตกล่าว

รศ.ดร.อรรถกฤตกล่าวอีกว่า ระบบภาษีสรรพสามิตที่ดีควรมีโครงสร้างที่เรียบง่าย ทันสมัยและยึดหลักปฏิบัติตามหลักสากล ตอนนี้เหลือสินค้ากลุ่มสุราและยาสูบที่ยังรอลุ้นอัตราภาษีใหม่อยู่ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นสุราหรือยาสูบก็ใช้หลักเดียวกัน คือเก็บภาษีตามผลต่อสุขภาพเป็นหลัก นั่นคือต้องวัดกันตามปริมาณไม่ใช่ราคา หากโครงสร้างภาษีใหม่เปิดช่องให้ของราคาถูกจ่ายภาษีถูกกว่าของราคาแพงแล้ว โดยเฉพาะหากมีการใช้ราคาเป็นเกณฑ์ในการแบ่งขั้นอัตราภาษี สิ่งที่จะตามมาคือการขยายตัวอย่างรวดเร็วของสุราและยาสูบราคาถูกแน่นอน ซึ่งจะถูกมองว่าเป็นการใช้ภาษีเป็นเครื่องมือเอื้อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม และจะทำให้การปฏิรูปครั้งนี้ไม่สง่างาม 

สำหรับอุตสาหกรรมยาสูบ ก็มีผู้ผลิตในประเทศรายใหญ่ที่รัฐเป็นเจ้าของ หวังว่าภาครัฐคงพิจารณาอย่างรอบคอบในการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตใหม่ทั้งสองขา คือ มูลค่าและปริมาณอย่างมีประสิทธิภาพและเสมอภาค เป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยรัฐไม่ควรให้น้ำหนักเรื่องการปกป้องผู้ผลิตในประเทศในการจัดเก็บด้วยเหตุผลที่บอกไป แต่ควรจะมองไปที่วัตถุประสงค์เรื่องสุขภาพและควบคุมการบริโภคด้วยระบบภาษีที่ไม่สร้างความเลื่อมล้ำด้านราคามากกว่า

ภาพ...เอเอฟพี