posttoday

ธปท.เตือนรับมือค่าเงินป่วน

21 กรกฎาคม 2560

ธปท.ขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์ให้ปรับค่าธรรมเนียมการเข้าถึงเฮดจิ้ง หวังให้รายเล็กเข้าถึงการป้องกันในช่วงค่าเงินบาทผันผวน

ธปท.ขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์ให้ปรับค่าธรรมเนียมการเข้าถึงเฮดจิ้ง หวังให้รายเล็กเข้าถึงการป้องกันในช่วงค่าเงินบาทผันผวน

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การปรับแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ไม่ได้ เกิดเฉพาะกับค่าเงินบาท เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการเมืองสหรัฐ บวกกับมีปัจจัยจากตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาในช่วงหลังๆ อาจไม่เป็นไปตามความคาดหวังของตลาด

นอกจากนี้ ยังมีการสืบสวนคดีความต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งมีผลต่อความมั่นใจในการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลสหรัฐที่อาจชะลอออกไป ทำให้มุมมองต่อเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลงมาก ส่งผลให้ค่าเงินในภูมิภาคเอเชียแข็งค่าขึ้น ซึ่งค่าเงินบาทของไทยก็แข็งค่าขึ้นเช่นกัน แต่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับสกุลเงินในภูมิภาค

นายวิรไท กล่าวว่า ในการประเมินผลกระทบค่าเงินบาทกับภาคส่งออก ธปท.ได้หารือและประเมินร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีในช่วงที่ค่าเงินยังมีความผันผวนการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (เฮดจิ้ง) ยังเป็นเรื่องสำคัญ เพราะผลกระทบมาจากปัจจัยหรือเหตุการณ์ภายนอกประเทศที่เราควบคุมไม่ได้

"ขณะนี้ธนาคารหลายแห่งอยู่ในช่วงของการปรับและมาดูเครื่องมือการป้องกันค่าเงินให้เหมาะสมกับลูกค้ากลุ่มต่างๆ มากขึ้น และมีการพิจารณาจัดทำค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมมากขึ้น ผมได้คุยกันกับแบงก์แล้ว แต่ค่าธรรมเนียมจะไม่เท่ากัน เพราะแต่ละธนาคารมีต้นทุนที่ต่างกัน" นายวิรไท กล่าว

ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า ที่ผ่านมา ธปท.เห็นว่ามีลูกค้าธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่มีความสามารถในการป้องกันความเสี่ยง แต่เลือกที่จะไม่ทำ เมื่อถึงเวลาที่ค่าเงินมีการเคลื่อนไหวก็จะมาทำพร้อมๆ กัน ทำให้ค่าเงินเคลื่อนไหวแรงกว่าที่ควรจะเป็น เพราะฉะนั้นอยากจะให้ธุรกิจที่เคยทำหรืออาจทำเป็นครั้งเป็นคราว เห็นความสำคัญของการทำเฮดจิ้ง และควรทำให้เป็นเรื่องปกติ เหมือนเวลาที่เราส่งสินค้าไปต่างประเทศก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องซื้อประกันการขนส่งต่างๆ ดังนั้น การประกันความเสี่ยงก็ควรจะเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจที่ออกไปเกี่ยวกับต่างประเทศ เพราะในสภาวะข้างหน้ายังจะเห็นความผันผวนของค่าเงินเพิ่มต่อเนื่อง