posttoday

หวั่นบัญชีผีทึ้งงบ‘9101’

10 กรกฎาคม 2560

รมว.เกษตรสั่งจับตาทุจริต ดีเดย์ปล่อยเงินหมุนกลางก.ค.กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน

รมว.เกษตรสั่งจับตาทุจริต ดีเดย์ปล่อยเงินหมุนกลางก.ค.กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน

โพสต์ทูเดย์ - “บิ๊กฉัตร” กำชับคุมเข้มโครงการ 9101 ห้ามมีบัญชีผี หวังเงิน 2.2 หมื่นล้าน หมุน 3 รอบ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก

นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ  รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการในที่ประชุมผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ ว่า หลังจากแต่ละชุมชนอนุมัติโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน วงเงินรวม 2.2 หมื่นล้านบาทแล้ว ในสัปดาห์หน้าให้ผู้ตรวจทุกคนลงพื้นที่ติดตามโครงการและตรวจสอบความถูกต้องของเกษตรกรที่เข้าโครงการ เพื่อให้โครงการดำเนินการอย่างโปร่งใส เพราะเป็นโครงการที่มีการจับตามองมาก และหากพบทุจริตจะดำเนินการเอาผิดโดยไม่ไว้หน้า

“รมว.เกษตรฯ ย้ำว่า งานนี้ต้องไม่ให้มีบัญชีผีเด็ดขาด ขอให้ทุกคนช่วยกันทำงาน ซึ่งจะเป็นโครงการที่วางพื้นฐานให้กับเกษตรกรในชุมชน ที่จะร่วมกันสร้างงาน สร้างเงินกันเอง จากที่รัฐบาลได้เข้าไปช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องในสองปีที่ผ่านมา อย่างที่ไม่เคยมีรัฐบาลอื่นได้วางรูปแบบมาก่อน ทั้งนี้ เพื่อให้การทำการเกษตรยั่งยืนต่อไปในอนาคต เพราะชุมชนที่เข้มแข็งจะมีเงินทุนหมุนเวียนในชุมชนของทุกแห่ง จาก 9101 ชุมชนทั่วประเทศ“ นายธีรภัทร กล่าว

นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงเกษตรฯ กล่าวว่า โครงการนี้ต่างจากโครงการตำบลละ 5 ล้านบาทของกระทรวงมหาดไทย ที่ส่งลงไปในชุมชนในสาขาต่างๆ แต่โครงการนี้เน้นที่เกษตรกรโดยตรง ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ต่อยอดจากโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของรัฐบาลในปี 2558-2559 ที่มี 4 มาตรการช่วยเหลือ โดยการจ้างงานในการทำโครงการต่างๆ โดยเฉพาะด้านแหล่งน้ำ 4,000 ล้านบาท และอบรมให้ความรู้เกษตรกรผ่านศูนย์เรียนรู้เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตทางการเกษตร (ศพก.) 882 แห่ง ทำให้ฤดูแล้งที่ผ่านมาไม่เกิดความโกลาหลทั้งที่เป็นฤดูแล้งครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศ

ทั้งนี้ เชื่อว่าเกษตรกรที่ผ่านการอบรมของ ศพก. จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ เมื่อผนวกกับเกษตรกรในโครงการส่งเสริมเกษตรทฤษฎีใหม่ 7 หมื่นแห่งที่กระทรวงเกษตรฯ ส่งเสริม ก็จะทำให้ชุมชนภาคเกษตรเข้มแข็งขึ้นต่อเนื่องและพัฒนาไปสู่การเป็นสมาร์ทฟาร์เมอร์ รวมถึงวิสาหกิจชุมชนได้ในอนาคต

นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ได้มอบนโยบายกับเจ้าหน้าที่ของกรมทุกคนให้ช่วยกันทำงานโครงการนี้อย่างเต็มที่ และทุกคนต้องยึดความโปร่งใส เพราะเป็นโครงการที่จะวางโครงสร้างพื้นฐานให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน เพราะจะจัดสรรให้ 2.5 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในชุมชน ซึ่งตั้งเป้าหมายว่าเงินจำนวนนี้จะหมุนได้มากกว่า 3 รอบ

สำหรับการดำเนินงานของกรม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ทั้งหมดเพื่อช่วยกันเป็นพี่เลี้ยงให้กับทุกตำบล เพื่อให้การเบิกจ่ายตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ คือภายในกลางเดือน ก.ค. ต้องเบิกจ่ายงบได้ครึ่งหนึ่งของงบที่ชุมชนได้รับ และเปิดวอร์รูมสำนักงานโครงการ 9101 เพื่ออำนวยการในการบริหารจัดการ หากพบปัญหาสามารถแจ้งเหตุถึงสำนักงานโดยตรง

ทั้งนี้ ระยะเวลาดำเนินการ ก.ค.-ธ.ค. 2560 แม้ว่าระยะเวลาของโครงการจะสั้นและเร่งด่วน แต่กรมได้ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจมาก่อนแล้วจึงสามารถดำเนินการได้ทันที

นายสมชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินงานของชุมชนในครั้งนี้จะต้องเป็นโครงการที่สามารถดำเนินการได้ทันที มีประโยชน์ต่อชุมชน และมีความยั่งยืน เป็นโครงการหรือกิจกรรมในลักษณะของการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และยกระดับมาตรฐานสินค้า ภายใต้กรอบโครงการ รวม 8 ด้าน ได้แก่ การผลิตพืชและพันธุ์พืช การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ การจัดการศัตรูพืช ฟาร์มชุมชน การผลิตอาหาร การแปรรูปผลผลิตและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ปศุสัตว์ ประมง และการปรับปรุงบำรุงดิน สำหรับชุมชนที่มีกิจกรรม โครงการ ที่เป็นความประสงค์ของชุมชนนอกเหนือจากกรอบโครงการ ให้เป็นการพิจารณาของคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์จังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน