posttoday

ปักหมุดเบี้ยสุขภาพ ‘ซีแอลเอ็มวี’

01 กรกฎาคม 2560

ตลาดซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) กลายเป็นตลาดเนื้อหอมสำหรับหลายๆ ธุรกิจในไทยที่จะขยายการลงทุนเข้าไป

โดย...ฉัตรชัย ธนจินดาเลิศ

ตลาดซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) กลายเป็นตลาดเนื้อหอมสำหรับหลายๆ ธุรกิจในไทยที่จะขยายการลงทุนเข้าไปในประเทศเหล่านี้มากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจประกันวินาศภัยก็ให้ความสนใจกับตลาดซีแอลเอ็มวีเช่นกัน

จีรพันธ์ อัศวะธนกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า ในปีนี้สมาคมได้เพิ่มงบประมาณพิเศษให้กับคณะกรรมการประกันภัยอุบัติเหตุเเละสุขภาพ เพื่อศึกษาหาข้อมูลและวิธีการในการขยายตลาดประกันสุขภาพในไทยและกลุ่มซีแอลเอ็มวีโดยเฉพาะ เนื่องจากคณะกรรมการสมาคม เห็นว่าประกันสุขภาพเป็นตลาดที่มีทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สอดคล้องกับการตื่นตัวของคนไทยที่หันมาดูแลสุขภาพของตัวเอง ทำประกันสุขภาพเพื่อบริหารความเสี่ยงของตัวเองมากขึ้น บวกกับในอนาคตหากรัฐบาลเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านภาษีในการซื้อประกันสุขภาพ ก็จะยิ่งเป็นแรงจูงใจให้คนไทยหันไปทำประกันสุขภาพเพิ่มขึ้นอีก

ดังนั้น จึงควรหาช่องทางเพิ่มส่งเสริมสนับสนุนให้บริษัทสมาชิกซึ่งเป็นบริษัทประกันทั้งหลายได้ขายประกันสุขภาพทั้งในไทยและกลุ่มซีแอลเอ็มวีตามชายแดนควบคู่ไปพร้อมกัน หวังว่าอีก 2 ปีข้างหน้า ปี 2562 เบี้ยสุขภาพจะเติบโตได้เป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับปัจจุบัน

นอกจากนี้ สมาคมยังมีแผนที่จะขยายบทบาทของธุรกิจประกันภัยไทยไปในกลุ่มซีแอลเอ็มวีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านความร่วมมือการฝึกอบรม การเพิ่มทักษะ การพัฒนาพนักงานสำรวจภัย แนวทางการบริหารจัดการเพื่อให้บริการที่ดี ความร่วมมือด้านระบบตรวจสอบความเสียหายของการประกันภัยรถยนต์ การประกันภัยขนส่งสินค้า ระบบโลจิสติกส์ รวมถึงการพัฒนารูปแบบกรมธรรม์ที่จะขายให้เป็นมาตรฐานเดียวกันหมด

จีรพันธ์ กล่าวว่า ยังมีเป้าหมายสำคัญในช่วง 2 ปีข้างหน้าที่อยู่ในวาระที่ต้องการผลักดันให้คนไทยถือครองกรมธรรม์ให้สูงขึ้นถึง 1.6% ของจีดีพี จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.4% เท่านั้น เพื่อให้คนไทยได้มีประกันในการดูแลตัวเองมากขึ้น ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นก็อาจเป็นรองแค่สิงคโปร์

สำหรับแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจประกันภัยในปีนี้ คาดว่าเบี้ยรับโดยตรงจะเติบโตที่ 1.4-1.8% หรือประมาณ 2.14-2.15 แสนล้านบาท ขึ้นตามการเติบโตของเศรษฐกิจและการส่งเสริมการประกันภัยของภาครัฐ โดยประมาณการอัตราการขยายตัวของจีดีพีอยู่ที่ 3.3-3.8% ซึ่งรัฐบาลก็ผลักดันการใช้เงินผ่านโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่หรือเมกะโปรเจกต์ออกมาอย่างต่อเนื่อง และหากเศรษฐกิจฟื้นตัวดี ธุรกิจประกันก็จะดีขึ้นตามไปด้วย

“ในปีนี้หากดูในเรื่องของเบี้ยประกันภัยคงไม่เติบโตมากน้ก ซึ่งก็เป็นไปตามกลไกตลาดโดยรวม แต่หากดูในแง่ของทุนประกันแล้ว คงเติบโตได้ประมาณ 20-30% โดยบริษัทประกันเองก็ต้องบริหารจัดการให้ดี เพราะมีผลต่อกำไรด้วย เช่น หากพบว่ารถบางประเภทมีอัตราความเสียหายต่อเบี้ยประกันสูงก็ต้องบริหารความเสี่ยงให้ดี” จีรพันธ์ กล่าว