posttoday

"เจนวาย" กระหน่ำกู้ เป็นหนี้ค้างชำระเพิ่มต่อเนื่อง

05 มิถุนายน 2560

เปิดข้อมูลจากเครดิตบูโรพบปี60คนเจนวายมีสัดส่วนการขอสินเชื่อใหม่มากกว่า 50% ขณะที่ปัญหาค้างชำระเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

เปิดข้อมูลจากเครดิตบูโรพบปี60คนเจนวายมีสัดส่วนการขอสินเชื่อใหม่มากกว่า 50% ขณะที่ปัญหาค้างชำระเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

สุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) เปิดเผยว่า จากข้อมูลสมาชิกเครดิตบูโร สินเชื่อประเภทบุคคล ณ ไตรมาสแรกปี 2560 มีสินเชื่อรวม 10 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8% แบ่งเป็น บัตรเครดิต 3.83 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3% สินเชื่อส่วนบุคคล 1.91 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.4% สินเชื่อรถยนต์ 2 ล้านล้านบาท ลดลง 2.5% สินเชื่อบ้าน 3.37 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% สินเชื่อเบิกเงินเกินบัญชี 6.18 แสนล้านบาท ลดลง 1.3% และสินเชื่ออื่นๆ (ธ.ก.ส.) 1.7 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 103% โดยส่วนใหญ่เจนวายจะมีสัดส่วนการขอสินเชื่อใหม่มากกว่า 50%

สำหรับยอดการขอสินเชื่อเคหะในไตรมาสแรกของปี 2560 มีบัญชีใหม่การขอสินเชื่อบ้านจำนวน 69,908 บัญชี ในส่วนนี้แบ่งเป็นตามช่วงอายุของผู้ที่ขอสินเชื่อพบว่า กลุ่มเจเนอเรชั่นวาย มีการขอสินเชื่อมากที่สุดคิดเป็นสัดส่วน 49% รองลงมาเป็นกลุ่มเจเนอเรชั่นเอ็กซ์ คิดเป็นสัดส่วน 39% และกลุ่มเบบี้บูม คิดเป็น 12% ในขณะเดียวกันพบว่ากลุ่มเจนวายเริ่มมีปัญหาการค้างชำระหรือเป็นเอ็นพีแอลเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มเจนเอ็กซ์ยังมีปัญหาเอ็นพีแอลทรงตัว

ด้านสินเชื่อรถยนต์ มีบัญชีเงินกู้เพื่อซื้อรถยนต์ใหม่ทั้งหมด 324,856 บัญชี โดยกลุ่มเจนวาย ยังคงมีการกู้มากที่สุด 46% รองลงมาเป็นกลุ่มเจนเอ็กซ์ 40% และกลุ่มเบบี้บูม 14% ซึ่งคาดว่าปีนี้จะมียอดขายรถประมาณ 1.2 ล้านคัน โดยส่วนใหญ่ลูกค้าที่ยื่นขอสินเชื่อรถยนต์จะเป็นกลุ่มเจนวายและเอ็กซ์ ซึ่งอาจจะมีปัญหาการขอสินเชื่อเพราะมีภาระหนี้สินสูงขึ้น แต่อาจจะเห็นค่ายรถยนต์มีการขยายระยะเวลาผ่อนที่ยาวนานขึ้นจากเดิม 48 เดือนเป็น 60 เดือน เพื่อให้กลุ่มลูกค้าสามารถผ่อนชำระได้มากขึ้น สำหรับยอดหนี้ที่ไม่ก่อรายได้สินเชื่อบ้าน พบว่า กลุ่มเจนวายและเจนเอ็กซ์ ยังคงมีสัดส่วนหนี้จัดชั้นพิเศษ และหนี้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ด้านบัตรเครดิต ในไตรมาส 1/2560 มียอดการอนุมัติบัตรเครดิตใหม่ 418,971 บัญชี ซึ่งเป็นกลุ่มเจนวาย สัดส่วน 56% กลุ่มเจนเอ็กซ์ สัดส่วน 33% และกลุ่มเบบี้บูม สัดส่วน 11% เมื่อดูหนี้เอ็นพีแอลในกลุ่มบัตรเครดิตแล้ว ยังพบว่ากลุ่มเจนวายมีเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่กลุ่มเจนเอ็กซ์และเบบี้บูม ยอดเอ็นพีแอลเริ่มคงที่

ปัจจุบันมีจำนวนบัตรเครดิตทั้งหมด 18.4 ล้านใบ ซึ่งเป็นบัตรที่ไม่มีการใช้จ่ายประมาณ 6 ล้านใบ โดยแต่ละปีจะมีการอนุมัติบัตรใหม่ประมาณ 2 ล้านใบ โดยเฉลี่ยจะมีคนถือบัตรเครดิต 4 ใบ แต่ที่พบมีคนถือบัตรเครดิตสูงสุดถึง 22 ใบ

อย่างไรก็ตาม ธปท.มีความเป็นห่วงที่จะคุมการใช้จ่ายและการสร้างภาระหนี้ในกลุ่มเจนวาย โดยเฉพาะผู้ที่สมัครบัตรเครดิตรายใหม่ เช่น การกำหนดรายได้ 3 หมื่นบาท มีบัตรไม่เกิน 2 ใบ กำหนดวงเงินการใช้บัตรเครดิตลดลงจาก 5 เท่าของเงินเดือนเป็น 3 เท่า เป็นต้น

ด้านสินเชื่อส่วนบุคคล ( P-Loan) มียอดการอนุมัติบัตรใหม่ 792,525 บัญชี ซึ่งเป็นกลุ่มเจนวาย สัดส่วน 41% กลุ่มเจนเอ็กซ์ สัดส่วน 38% และกลุ่มเบบี้บูม 21% ซึ่งปัญหาเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นมากทั้งกลุ่มเจนวายและเจนเอ็กซ์ ทั้งยอดหนี้และยอดบัญชีเช่นกัน

สุรพล กล่าวว่า ปัจจุบันหนี้ครัวเรือนอยู่ที่ 80% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) โดยส่วนหนึ่งหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และผู้ทำธุรกิจออนไลน์มีการใช้สินเชื่อเบิกเงินเกินบัญชี (โอดี) และสินเชื่อส่วนบุคคลในการทำธุรกิจ ซึ่งเสียอัตราดอกเบี้ย 20-28% ดังนั้นควรที่จะสนับสนุนให้จัดตั้งนิติบุคคลเดียวหรือคนเดียวก็สามารถจัดตั้งบริษัทได้แล้ว ซึ่งนอกจากจะได้เข้าถึงสินเชื่อที่ถูกประเภทแล้ว ยังได้รับดอกเบี้ยต่ำกว่าสินเชื่อส่วนบุคคล รวมถึงสามารถเข้าสู่ระบบการจัดเก็บภาษีที่ถูกต้อง