ไอเอ็มเอฟปรับเพิ่มจีดีพีไทย แนะเลิกแทรกแซงค่าบาท

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยว่า ไทยยังมีความยืดหยุ่นให้สามารถใช้นโยบายการเงินและการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อได้อีก โดยเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวในระดับปานกลางจากความเสี่ยงต่างๆ รวมถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกและความผันผวนทางการเงิน

"การใช้นโยบายกระตุ้นร่วมกันระหว่างการคลังและการเงิน ควบคู่ไปกับการปฏิรูปเชิงโครงสร้างและอัตราแลกเปลี่ยนที่ยืดหยุ่น จะช่วยเสริมสร้างแรงซื้อภายในประเทศได้ในระยะสั้น และช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโตระยะยาว" ไอเอ็มเอฟ ระบุ

ไอเอ็มเอฟ ยังเห็นว่า ไทยควรปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนเคลื่อนไหวอย่างอิสระมากขึ้น ด้วยการจำกัดการเข้าแทรกแซงค่าเงินและทำให้การเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนได้ทำหน้าที่ดูดซับผลกระทบหากเกิดภาวะช็อกในตลาด

ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟได้ปรับขึ้นคาดการณ์เศรษฐกิจเล็กน้อย จากเดิม 3% เป็น 3.2% ขณะที่ ธปท.คาดไว้ที่ 3.4% พร้อมทั้งระบุว่า การใช้นโยบายการคลัง เช่น การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและระบบคุ้มภัยทางสังคม เช่น ประกันสังคม จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อในประเทศและทำให้การนำเข้าเพิ่มขึ้น ช่วยลดการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย พร้อมกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวกระแสข่าวที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ออกรายงานระบุถึงภาวะเศรษฐกิจไทยว่า ไอเอ็มเอฟไม่ได้ออกรายงานหรือสั่งการให้แก้ไขปัญหาเงินบาทแข็งค่า หรือเห็นว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำ แต่เป็นการสรุปผลการเข้ามาสำรวจภาวะเศรษฐกิจประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทยเท่านั้น ซึ่งเป็นความเห็นทั่วไป ไม่ได้มีมุมมองที่ไม่ดีต่อเศรษฐกิจไทย

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ไอเอ็มเอฟได้ไปในช่วงต้นปีที่เข้ามาสำรวจนั้น เป็นเพียงข้อมูลเศรษฐกิจเบื้องต้นที่ยังไม่เป็นทางการทำให้ตัวเลขที่ไอเอ็มเอฟประมาณการอาจต่ำกว่าความเป็นจริงที่ออกมาในไตรมาสแรก

ภาพ เอเอฟพี