ธปท.ประเมินหั่นเครดิตหยวน

ธปท.ไม่แปลกใจมูดี้ส์หั่นเครดิตสกุลหยวน ระบุประเมินความเสี่ยงเศรษฐกิจจีนชะลอตัวไว้ก่อนแล้ว

นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยถึงกรณีที่บริษัทจัดอันดับความน่า เชื่อถือ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ปรับลดเครดิตเงินหยวนของจีนว่า ในส่วนของผลกระทบต่อประเทศไทยนั้น ในประมาณการเดิม ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้คำนึงถึงปัจจัยนี้ไว้แล้ว โดยปี 2560 ได้ประมาณการเศรษฐกิจจีนขยายตัว 6.5% และในปี 2561 ขยายตัวลดลงเหลือ 6.2% คือมีการคำนึงถึงความเสี่ยงนี้ไว้แล้ว คิดว่าไม่ต้องปรับอะไรเพิ่มเติม เพราะ ธปท.มองไปในทิศทางเดียวกัน โดยปัจจัยที่พิจารณา คือความล่าช้าในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ และการจัดการปัญหาหนี้ของจีน

"เราค่อนข้างมองว่ามีผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนอยู่แล้ว จึงให้ประมาณการเศรษฐกิจจีนปีหน้าชะลอลง เป็นปัจจัยที่เราได้คิดล่วงหน้า คิดว่าทุกคนก็คิดถึงปัจจัยนี้เหมือนกัน ขึ้นกับว่าใครจะให้ น้ำหนักในประมาณการมากน้อยเพียงใด" นายจาตุรงค์ กล่าว

ทั้งนี้ มูดี้ส์ ได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือ (เครดิต) ของจีนลงหนึ่งอันดับ จาก Aa3 ลงสู่ระดับ A1 พร้อมปรับเพิ่มมุมมองจากเชิงลบ เป็นมีเสถียรภาพ ซึ่งนับเป็นการหั่นเครดิตหนี้จีนเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี หรือตั้งแต่ปี 2532 โดยให้เหตุผลว่า จีนกำลังเผชิญความเสี่ยงทางการเงินมากขึ้นจากผลพวงของหนี้สินที่ขยายตัว และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง

โดยมูดี้ส์ คาดการณ์ว่า ความแข็งแกร่งด้านการเงินของจีนอาจจะถดถอยลงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ พร้อมกับคาดการณ์ว่า หนี้สินของรัฐบาลจีนจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 40% ของจีดีพีภายในปี 2561 และจะทะยานขึ้นไปอยู่ที่ 45% ของจีดีพีภายในปลายทศวรรษนี้

ด้านกระทรวงการคลังจีน ออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่า มูดี้ส์ใช้มาตรวัดที่ไม่เหมาะสม และประเมินความเสี่ยงของจีนสูงเกินไป

ด้านฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ระบุว่า หลังจาก กนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.50% เป็นครั้งที่ 16 ติดต่อกัน ค่าเงินบาทซื้อขายอยู่ใกล้ระดับ 34.45 บาท/เหรียญสหรัฐ โดยเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าลงในช่วงเช้า โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้น 3.6% นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา