posttoday

กนง.มติเอกฉันท์คงดอกเบี้ย 1.5%

24 พฤษภาคม 2560

กนง. ชี้ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชัดเจนขึ้น จึงมติคงดอกเบี้ยนโยบาย 1.5% ต่อไป แต่ยังห่วงปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศกระทบ

กนง. ชี้ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชัดเจนขึ้น จึงมติคงดอกเบี้ยนโยบาย 1.5% ต่อไป แต่ยังห่วงปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศกระทบ

นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ครั้งที่ 3/2560 ว่า คณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี ซึ่งคณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชัดเจนขึ้น แม้ว่ายังต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงโดยเฉพาะจากด้านต่างประเทศ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอลงและอาจต่่ากว่ากรอบเป้าหมายในบางช่วงจากปัจจัยด้านอุปทานเป็นหลัก แต่มีทิศทางปรับสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ภาวะการเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ คณะกรรมการฯ จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้

ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัวชัดเจนขึ้น จากการส่งออกสินค้าที่ฟื้นตัวต่อเนื่องตามการขยายตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า นอกจากนี้ การบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้นบ้างตามรายได้เกษตรกรและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีทิศทางดีขึ้น สำหรับการท่องเที่ยวมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ตามที่ประเมินไว้ ส่วนการใช้จ่ายของภาครัฐจะเป็นแรงขับเคลื่อนส่าคัญของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนยังมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างช้า ๆ

อย่างไรก็ดี แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยยังต้องระมัดระวังปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศ โดยเฉพาะผลของนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ การปรับโครงสร้างของเศรษฐกิจจีน และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลก

ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มชะลอลงกว่าคาด จากราคาอาหารสดที่ปรับลดลงตามผลผลิตผักและผลไม้ที่เพิ่มสูงขึ้นและผลของฐานสูงจากภาวะภัยแล้งในปีก่อน อีกทั้งแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ยังอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีทิศทางทยอยปรับสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี และการคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะปานกลางของสาธารณชนยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับค่ากลางของกรอบเป้าหมาย

ขณะที่ ภาวะการเงินโดยรวมอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ สภาพคล่องในระบบการเงินอยู่ในระดับสูง และอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ในระดับต่ำ ภาคธุรกิจยังสามารถระดมทุนได้เพิ่มขึ้น ทั้งจากสินเชื่อสถาบันการเงินและตลาดทุน สำหรับค่าเงินบาทในช่วงที่ผ่านมาเคลื่อนไหวสอดคล้องกับสกุลเงินในภูมิภาค

"คณะกรรมการฯ เห็นว่าระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ สามารถรับมือกับความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจการเงินทั้งในและต่างประเทศได้ดี แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงในบางจุด อาทิ ความสามารถในการชำระหนี้ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งส่วนหนึ่งสะท้อนปัญหาเรื่องความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น (search for yield) ในภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาเป็นเวลานาน ซึ่งอาจนำไปสู่การประเมินความเสี่ยงของตลาดที่ต่ำกว่าที่ควร" นายจาตุรงค์ กล่าว

นายจาตุรงค์ กล่าวว่า  มองไปข้างหน้า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชัดเจนมากขึ้น แม้ว่ายังต้องเผชิญความไม่แน่นอนจากปัจจัยด้านต่างประเทศ ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ยังอยู่ในระดับต่ำ คณะกรรมการฯ จึงเห็นว่านโยบายการเงินควรอยู่ในระดับผ่อนปรนต่อไป และพร้อมใช้เครื่องมือเชิงนโยบายที่มีอยู่เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพการเงินของประเทศ