posttoday

โรงรับจำนำรัฐรับมือ "พิโกไฟแนนซ์" แย่งลูกค้า

15 เมษายน 2560

โรงรับจำนำรัฐปรับตัวรับมือการแข่งขัน หลังร้านทอง โรงจำนำเอกชน แห่สมัครพิโกไฟแนนซ์

โรงรับจำนำรัฐปรับตัวรับมือการแข่งขัน หลังร้านทอง โรงจำนำเอกชน แห่สมัครพิโกไฟแนนซ์

นายมานะ เกลี้ยงทอง ผู้อำนวยการสำนักงานธนานุเคราะห์ หรือโรงรับจำนำของรัฐ เปิดเผยว่า ขณะนี้ร้านขายทองและโรงรับจำนำของเอกชนในต่างจังหวัดต่างหันมายื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัด หรือพิโกไฟแนนซ์ ซึ่งอาจจะเป็นคู่แข่งกันกับโรงรับจำนำของรัฐ ทำให้โรงรับจำนำของรัฐจะต้องมีการปรับตัวด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกกับลูกค้ารวมทั้งต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบว่าอัตราดอกเบี้ยโรงรับจำนำของภาครัฐต่ำมาก โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 3-15% ต่อปีเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าขณะนี้จำนวนลูกค้ามาใช้บริการโรงรับจำนำเริ่มจะมีอัตราเติบโตที่ลดลง จากปกติจะมีอัตราเติบโตปีละ 5% ปัจจุบันได้ลดลงมาเหลืออัตราการเติบโตประมาณ 2-3% เท่านั้น เนื่องจากคนรุ่นใหม่ไม่นิยมมาใช้บริการโรงรับจำนำ อีกทั้งปัจจุบันมีทางเลือกในการเข้าถึงแหล่งเงินมากขึ้น ทั้งในรูปแบบสินเชื่อส่วนบุคคล บัตรกดเงินสด และบัตรเครดิต เป็นต้น

สำหรับร้านทองและโรงรับจำนำเอกชนที่จะขอทำธุรกิจพิโกไฟแนนซ์นั้น ต้องคำนึงถึงความเสี่ยง เพราะพิโกไฟแนนซ์เป็นการปล่อยกู้ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่คิดดอกเบี้ยได้สูง 36% ขณะที่ร้านทองสามารถรับจำนำทองได้อยู่แล้ว คิดดอกเบี้ยเดือนละ2% และมีระยะเวลาฝากทอง 2-3 เดือนเท่านั้น หากขาดส่งก็ยึดทองคำได้ทันทีส่วนโรงรับจำนำเอกชนที่ทำพิโกไฟแนนซ์ก็ต้องมีการพิจารณาสินเชื่ออย่างเข้มงวดขึ้นและต้องใช้เวลานานกว่าลูกค้าที่มาใช้บริการจำนำ

นายมานะ กล่าวว่า ปัจจุบันโรงรับจำนำรัฐมีสต๊อกสินทรัพย์คงค้าง หรือพอร์ตสินทรัพย์รับจำนำรวมประมาณ 1.5-1.8 หมื่นล้านบาท มีฐานลูกค้ามาใช้บริการประมาณ 1.2 ล้านคน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่มาจำนำในวงเงินรายละไม่เกิน 5,000 บาทจำนวนประมาณ 3 แสนคน โดยจะคิดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อเดือน หรือ 3% ต่อปีสะท้อนให้เห็นว่าโรงรับจำนำของรัฐเป็นที่พึ่งของประชาชนผู้มีรายได้น้อยจริงๆ