คลังลั่นไม่ยึดท่อปตท.คืน

คลังไม่ยึดท่อ ปตท.คืน ยกมติศาลปกครองสูงสุดคุ้มครอง จวก สตง.ตีมึน ปิดข้อมูลหนังสือตอบกลับ

นายอำนวย ปรีมนวงศ์ รองปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คลังจะยึดตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในการแบ่งแยกทรัพย์สินจากบริษัท ปตท. โดยเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2551 ศาลได้มีคำรับรองผลการแบ่งแยกทรัพย์สินของคณะกรรมการแบ่งแยกทรัพย์สิน กรมธนารักษ์ และ ปตท. ตามคำพิพากษาครบถ้วนแล้ว และได้ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 18 ธ.ค. 2550 ที่ต้องรายงานให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบรับรองความถูกต้องในการโอนทรัพย์สินคืนรวม 9 ครั้ง

สำหรับข้อกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ นายอำนวย กล่าวว่า สตง.ตั้งใจปกปิดประชาชน ให้การเป็นเท็จเกี่ยวกับหนังสือลับที่ สตง.มีถึงศาลปกครองสูงสุด และนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2552 โดย สตง. ระบุในหนังสือว่า การแบ่งแยกทรัพย์สินตามคำพิพากษาครบถ้วนหรือไม่ ให้ขึ้นกับวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด เป็นที่ยุติ ซึ่งศาลมีหนังสือตอบ สตง. วันที่ 10 ก.พ. 2552 ว่าได้ดำเนินการตามคำพิพากษาแล้ว และต่อมามีผู้ฟ้องว่าแบ่งแยกทรัพย์สินไม่ครบถ้วน แต่ศาลไม่รับฟ้อง กระทั่ง 7 เม.ย. 2559 ที่ประชุมตุลาการศาลปกครองสูงสุดมีมติยืนยันว่า ได้แบ่งแยกและโอนทรัพย์สินตามคำพิพากษาเรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ สตง.เข้าใจไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการตรวจสอบรับรองความถูกต้องตามมติ ครม. ซึ่งตามปกติ สตง.ต้องตรวจสอบย้อนหลังเท่านั้น ครม.ไม่ได้ให้อำนาจ สตง.ในการตรวจสอบก่อนว่ามีการโอนท่อคืนครบหรือไม่ ก่อนยื่นศาลปกครองสูงสุดรับรอง นอกจากนี้ได้มีการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่ยังไม่ได้คำตอบ ยังไม่ได้วินิจัยฉัยท่อที่อ้างว่ายังคืนมาไม่ครบ โดยเฉพาะท่อในทะเล เมื่อยังไม่มีข้อสรุป สตง.จะเอาผิดละเว้นปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างไร

นายอำนวย กล่าวว่า สตง.ในฐานะผู้ตรวจสอบและรับรองงบการเงิน ปตท.ในช่วงที่ผ่านมา ก็รับรองแบบไม่มีเงื่อนไขมาโดยตลอด ในขณะเดียวกันก็เป็นผู้ทักท้วงว่า ปตท.โอนทรัพย์สินไม่ครบ เท่ากับว่า สตง.ให้ข้อมูลเป็นเท็จกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และผู้ถือหุ้นของ ปตท. ซึ่งผิดจรรยาบรรณร้ายแรงและต้องมีผู้รับผิดชอบ