posttoday

เรื่องเร่งด่วนของSMEที่เกี่ยวกับเครดิตบูโร

22 กรกฎาคม 2562

โดย...สุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร

โดย...สุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร

เมื่อท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมคนใหม่ได้เข้าทำหน้าที่? และเปิดตัวโดยให้นโยบายและแนวทางถึงการที่ ประเทศไทยกำลังปรับตัวเข้าสู่ยุค "Thailand 4.0" ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่เน้นการสร้างมูลค่า (Value-Based Economy) และการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม (Innovation-Driven Economy) โดยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่การพัฒนาคนของทุกภาคส่วนให้มีความรู้ความสามารถสมัยใหม่โดยเฉพาะเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งภาคอุตสาหกรรมนับเป็นหัวหอกหลัก? เป็นกำลังหลักในการลากจูง? ขับเคลื่อน?ไปสู่เป็าหมายแน่นอนว่าผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมไทย ทั้งภาคการผลิต ภาคการบริการและภาคการค้า ต้องรีบปรับตัวรองรับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่โลกยุคดิจิทัลไม่ว่าจะเป็น? อุตสาหกรรมขนาดใหญ่? SME หรือคนตัวเล็ก? ธุรกิจขนาดจิ๋ว?ก็ตาม? อันนี้เป็นภาพใหญ่ที่ใครเข้ามาทำหน้าที่ก็ต้องแก้ไข

ทีนี้ก็มาถึงเรื่องเร่งด่วนที่ฝ่ายนโยบายคณะใหม่จะเข้ามาดำเนินการก่อนคือ

1. การส่งเสริม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่แห่งอนาคตตามนโยบายของรัฐบาลเดิมต่อเนื่องมายังรัฐบาลใหม่ชุดนี้เช่น อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ การบินและโลจิสติกส์ การแพทย์ครบวงจร เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ ดิจิทัล การแปรรูปอาหาร ยานยนต์แห่งอนาคต อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ เป็นต้น?

2. การหาแนวทางให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ? SME โดยมีแนวคิดที่จะหารือกับกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.) เกี่ยวกับแหล่งเงินทุนและมาตรการด้านการเงิน ช่วยลดข้อจำกัดต่างๆ เช่น เรื่องเครดิตบูโร การลดอุปสรรคในการประกอบธุรกิจ? เป็นต้น

3. ในเรื่องการปรับค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำนั้นก็ให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการไตรภาคีต้องไปหารือกันให้ได้ข้อสรุปก่อน เพราะค่าแรงเป็นต้นทุนในกระบวนการผลิตสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคปลายทาง

จากข้อ 2 ที่ระบุถึงเครดิตบูโรนั้น? ผู้เขียนขอเรียนรายละเอียดข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่าประเด็นหนึ่งที่ควรหยิบขึ้นมาพิจารณาคือ? ลูกหนี้? SME ที่ทำการปรับโครงสร้างหนี้แล้วไปต่อได้ยากในการหาแหล่งทุนมาสนับสนุนทั้งที่เป็นการปรับโครงสร้างหนี้ด้วยความสมัครใจ? ไม่ใช่การถูกบังคับจากเจ้าหนี้? หรือเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้คำพิพากษา? หรือการทำยอมในศาล? ผู้เขียนขอเล่ารายละเอียดให้ฟังเพื่อพิจารณา? จะเห็นด้วยเห็นต่างไม่ว่ากันครับ? เรื่องมันจะเป็นประมาณนี้...

การเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อของลูกค้า? SME ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลงและต้องการการผ่อนผันกฎเกณฑ์ที่เห็นได้ว่าเข้มงวดเกินไปในขณะนี้? จนส่งผลให้สถาบันการเงินไม่มีทางเลือกที่ต้องดำเนินการไปตามทิศทางนั้นตัวอย่างเช่น? การที่ธนาคารกลางผู้กำกับดูแลสถาบันการเงินไปกำหนดเกณฑ์ว่าหากสัญญาเงินกู้กำหนดให้มีการชำระต้นเงินและดอกเบี้ยเช่น? การผ่อนสินเชื่อธุรกิจ? ผ่อนบ้าน? ผ่อนรถยนต์? ผ่อนสินเชื่อส่วนบุคคล? ที่มีการกำหนดต้นและดอกไว้ในเงินงวด? ซึ่งหากลูกค้าประสบปัญหาบางช่วงที่ไม่สามารถจ่ายเต็มยอด? แต่สามารถจ่ายได้แค่ดอกเบี้ย?แล้ว? กฎได้ระบุว่าต้องจัดชั้นสินเชื่อรายนั้น? ผลคือธนาคารก็ต้องสำรองเพิ่ม?ทันที? ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่สูง? หากธนาคารไม่ต้องการกันสำรองรายการนั้น? ธนาคารก็จะให้ลูกค้าปรับโครงสร้างหนี้? อาจด้วยการปรับตารางการชำระหนี้? หรือพักชำระหนี้ช่วงเวลาสั้นๆ?

แต่พอลูกค้าต้องปรับโครงสร้างหนี้ด้วยความสมัครใจ? และไม่ใช่เป็นปัญหาความสามารถในการชำระหนี้ที่แท้จริง? แต่เป็นการขาดสภาพคล่องชั่วคราวเช่น? ลูกหนี้การค้าชำระหนี้ล่าช้าเป็นต้น? กลับเป็นว่าเมื่อมีการปรับโครงสร้างหนี้? ผู้ตรวจสอบธนาคารก็จะถือเอาว่าเป็นลูกค้ากลุ่มอ่อนแอ? หากใครจะให้สินเชื่อเพิ่มเพื่อแก้ไขการขาดสภาพคล่องชั่วคราว? ก็จะถูกสั่งสำรองเพิ่ม? ซึ่งก็ทำให้ธนาคารไม่อยากให้สินเชื่อกลุ่มนี้? และกลายเป็นต้องให้ลูกค้ากลุ่มนี้รอดูใจออกไป? 12-24 เดือน จึงจะพิจารณาสินเชื่อใหม่? ตรงนี้คือสิ่งที่หากมีมาตรการออกมาผ่อนผันผ่อนปรน? ประวัติในเครดิตบูโรก็ยังเป็นไปตามความจริง? และคนให้กู้ก็สบายใจมากขึ้นที่จะพิจารณาให้กู้ครับ?

ขอบคุณที่ติดตามนะครับทุกท่าน