posttoday

งานที่ 2 อาชีพที่ 3 ธุรกิจที่ 4 ...

15 กุมภาพันธ์ 2561

รายได้ทางเดียวไม่สามารถช่วยปลดหนี้ให้หมดไวๆได้ มันต้องมี งานที่ 2 อาชีพที่ 3 และธุรกิจที่ 4 เสริมแรงเข้าไปด้วย มันถึงจะพ้นน้ำเร็วขึ้น

โดย...จักรพงษ์ เมษพันธ์ THE MONEY COACH

“รายได้ไม่พอใช้ แค่จ่ายหนี้อย่างเดียว ยังไม่พอจ่ายเลย ทำยังไงดี”

หลายครั้งที่คำถามแนวๆ นี้ ลอยลมมากับเฟซบุ๊กและอีเมล เป็นคำถามที่ฟังดูเหมือนง่าย แต่บอกเลยว่าตอบยากมาก ที่บอกว่ายาก ไม่ใช่เพราะว่าไม่มีคำตอบให้แต่เป็นเพราะกลัวว่า ตอบไปแล้วจะไม่ถูกใจพระเดชพระคุณที่ถามคำถามเข้ามามากกว่า

เอาเข้าจริง ผมว่าทุกคนรู้คำตอบนะ ...รายได้ไม่พอรายจ่าย ตัวหนึ่งน้อยไป ตัวหนึ่งมากไป ก็แก้ตรงๆ โดยการ ลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้

รายจ่ายลด รายได้เพิ่ม ... เดี๋ยวมันก็พอใช้เอง

เริ่มจาก “ลดรายจ่าย”​ เราพอจะลดอะไรได้บ้าง ...

- ปรับลดมาตรฐานการกินอยู่ แม้ในสิ่งจำเป็นก็ให้ใช้อย่างประหยัด คิดก่อนใช้ทุกสิ่งอย่าง

- ลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หรือค่าใช้จ่ายที่ไม่มีประโยชน์ลง บุหรี่ เหล้า หวย ฯลฯ เบาลงหน่อยหรือเลิกไปเลยก็ดีนะ

- ลดค่างวดชำระหนี้ทุกรายการ ลองเจรจากับเจ้าหนี้ดู (อย่าเพิ่งบอกว่าไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้อ้าปากเจรจา) จะขอลดดอกเบี้ย ส่งเฉพาะดอกเบี้ย หรือหยุดส่งชั่วคราว ลองพูดลองขอดู เรื่องแบบนี้ ขออาจมีได้และไม่ได้แต่ถ้าไม่อ้าปากขอ

อย่างไรก็ดี จากประสบการณ์ที่ให้คำแนะนำคนแก้หนี้มามากมาย กล้าพูดเลยว่า การทำแค่ “ลดรายจ่าย” เพียงอย่างเดียวมันไม่พอให้เราปลดหนี้ได้เร็วหรอก แถมวันดีคืนร้ายมีเรื่องให้ต้องจับจ่ายฉุกเฉิน ยิ่งพานเป็นหนี้หนักขึ้นไปอีก

ที่ถูกคือ ต้อง 2 แรงบวก นั่นคือ สร้างรายได้ควบคู่ไปกับการลดรายจ่ายด้วย

หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ รายได้ทางเดียวไม่สามารถช่วยปลดหนี้ให้หมดไวๆ ได้หรอกครับ มันต้องมี ... งานที่ 2 อาชีพที่ 3 และธุรกิจที่ 4 เสริมแรงเข้าไปด้วย มันถึงจะพ้นน้ำเร็วขึ้น

หลักการสำคัญของการสร้างงานที่ 2 อาชีพที่ 3 และธุรกิจที่ 4 ก็คือ 1) ช่องทางการหารายได้ทุกช่องทางนั้น เน้นใช้ทุนทางปัญญาเดิมที่มี ไม่ใช้เงินลงทุนที่สูง เพราะเรามีภาระทางการเงินมากพอแล้ว และ 2) ทั้งสามงานที่จะทำไปพร้อมๆ กันนั้น ควรมีความเกี่ยวข้องกัน เพื่อไม่ทำให้เราต้องเรียนรู้อะไรใหม่ไปพร้อมๆ กันหลายเรื่อง

เช่น ตอนที่ผมเริ่มต้นแก้หนี้ให้ครอบครัว นอกจากจะเป็นวิศวกรโรงงานแล้ว ผมยังเอาวิชาความรู้ที่ได้จากการทำงานโรงงาน มารับงานพิเศษเป็นที่ปรึกษาให้กับโรงงานอุตสาหกรรมอื่นๆ (งานที่ 2) ควบคู่ไปกับเริ่มต้นฝึกหาอสังหาริมทรัพย์เพื่อลงทุนให้เช่า อันไหนลงทุนไม่ได้ เกินทุนที่มีบนหน้าตักก็จัดแจงหาคนซื้อขอนายหน้า 3% ไป (อาชีพที่ 3)

พองานที่ปรึกษาเริ่มเยอะ ผมเริ่มรับงานฟรีแลนซ์ไม่ไหว เพราะเวลาไม่เหลือให้ออกไปรับงานเองทั้งหมด เลยเริ่มเปิดบริษัทรับน้องๆ มาช่วยงาน (ธุรกิจที่ 4) แล้วก็ Outsource งานออกไปจ่ายน้องๆ เป็นค่าจ้างที่ปรึกษา เรากินส่วนค่างาน ค่าการตลาด (ในฐานะคนหางาน)

จากเดิม 1 วัน เรารับงานได้เจ้าเดียว กลายเป็นรับงานได้ 3-4 ที่ ไปพร้อมๆ กันด้วย ทำงานเท่าๆ เดิม แต่ได้เงินมากขึ้น

เมื่อหนึ่งเดือนเราหาเงินได้มากขึ้น ในอีกทางก็ลดค่าใช้จ่ายลง จนมีเงินส่วนเกินได้ เราก็มาวางแผนเก็บเงินและชำระคืนหนี้ ค่อยๆ อดทนทำไปในไม่ช้าหนี้ก็จะหมด

(แต่บอกก่อนนะว่า เกมแก้หนี้เป็นหนังชีวิต ต้องสู้กันยาวมาก)

ที่เจ๋งก็คือ ... หนี้หมด แต่งานที่ 2 อาชีพที่ 3 และธุรกิจที่ 4 ยังคงอยู่ และช่วยสร้างอัตราเร่งทางการเงินให้เรามั่งคั่งได้เร็วขึ้นกว่าทำงานประจำเพียงอย่างเดียวเสียอีก

สุดท้ายแล้วเท่าที่ผมเจอมา คนกลุ่มเดียวที่แก้หนี้ไม่ได้ ก็คือ คนที่ยอมแพ้ และไม่คิดจะทำอะไรอีกแล้ว พวกเขาไม่เชื่อตัวเองยอมจำนน และก็ได้แต่ฝันลมๆ แล้งๆ ว่า จะมีใครมาช่วยพาเขาออกไปจากสภาพชีวิตอันเลวร้าย

ชวนคิดวิธีลดรายจ่าย ก็บ่นว่า “ลดจนไม่รู้จะลดอะไรแล้ว!” ทั้งที่เอาเข้าจริง ยังไม่ได้คิด ไม่ได้ลงมือทำอะไรเลยแม้แต่น้อย (บางคนยังกินเปลืองโชว์ในเฟซบุ๊กอยู่เลย)

หรือชวนคิดหารายได้เพิ่ม ก็บ่นว่า “สัปดาห์หนึ่งทำงาน 5 วัน เหนื่อยจะแย่ จะให้ทำอะไรอีก!”

ถ้าคิดได้แค่นี้ ก็อย่าเสียเวลากันครับ อยู่ตรงนั่นแหละ! ถูกที่ถูกทางแล้วล่ะ ถ้าความคิดยอมแพ้แค่อย่างเดียว ใครก็ช่วยคุณไม่ได้ครับ

ใครที่เป็นหนี้หนัก แล้วเคยทำแต่ท้อ แต่บ่น เอาใหม่ครับ หาช่องทางลดรายจ่าย และคิดวิธีเพิ่มรายได้ คิดงานที่ 2 อาชีพที่ 3 ธุรกิจที่ 4 ออกเมื่อไหร่

โพสต์ลงเฟซบุ๊กเลย ประกาศให้โลกรู้ว่า เราสู้ชีวิต เพื่อนในเฟซบุ๊กถ้าไปขอยืมเงินเขา เขาคงไม่สะดวกใจ แต่ถ้าประกาศและบอกเพื่อนๆ ไปว่า ...

“เรากำลังทำงานที่ 2 อาชีพที่ 3 ธุรกิจที่ 4 อยู่ เพื่อนคนไหนสนใจซื้อสินค้าหรือจ้างให้ไปทำงาน เรียกใช้ได้เลย” ผมว่าเพื่อนสบายใจที่จะช่วยมากกว่า เพราะคนเราถึงแม้รักกันแค่ไหน ก็พร้อมที่จะยื่นมือ มากกว่ายื่นเงิน

เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังสู้กับปัญหาหนี้นะครับ จำเอาไว้  “ไม่มีใครทำให้เรารวยได้ ถ้าเราไม่อยาก และไม่มีใครทำให้เราจนได้ ถ้าเราไม่ยอม”ครับ