posttoday

สูตรเงินล้าน

14 พฤศจิกายน 2560

โดย...จักรพงษ์ เมษพันธุ์ THE MONEY COACH

โดย...จักรพงษ์ เมษพันธุ์ THE MONEY COACH

ใครอยากมีเงิน 1 ล้าน ภายในเวลา 1 ปีบ้าง … ยกมือขึ้น!

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่แอบยกมือ คุณมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้จักกับ “สูตรเงินล้าน”​ ของผมครับ

MJ DEMARCO ผู้เขียนหนังสือ THE MILLIONAIRE FASTLANE (ในชื่อไทย คือ เปลี่ยนเลนเป็นเศรษฐี) กล่าวถึงวิธีการเป็นเศรษฐีเงินล้านไว้อย่างเรียบง่ายและน่าสนใจว่า …

“TO MAKE MILLIONS, YOU MUST IMPACT MILLIONS”

หรือ “ถ้าหากคุณอยากได้เงินล้าน คุณก็ต้องทำในสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนนับล้าน” ฟังดูแล้วพอจะนึกอะไรออกบ้างไหมครับ

จากประโยคข้างต้น ผมคิดต่อยอดสร้างเป็นโมเดลเงินล้านง่ายๆ สำหรับคนธรรมดาทั่วไปแบบเราๆท่านๆ ได้ว่า …

ถ้าเราขายสินค้า กำไรชิ้นละ 1 บาท ให้คน 1,000,000 คน เราก็ได้ 1,000,000 บาท

ถ้าเราขายสินค้า กำไรชิ้นละ 10 บาท ให้คน 100,000 คน เราก็ได้ 1,000,000 บาท

ถ้าเราขายสินค้า กำไรชิ้นละ 100 บาท ให้คน 10,000 คน เราก็ได้ 1,000,000 บาท

หรือถ้าเราขายสินค้า กำไรชิ้นละ 1,000 บาท ให้คน 1,000 คน เราก็ได้ 1,000,000 บาท เหมือนกัน

ถ้าคุณเลือกโมเดล 1 บาท คุณก็อาจต้องเหนื่อยขายของให้คนเยอะหน่อย (ตั้ง 1 ล้านคนแหนะ) แต่ถ้าหากคุณเลือกโมเดล 1,000 บาท คุณก็เหนื่อยน้อยลงไปเยอะ เพราะแค่ลูกค้า 1,000 คน ก็ทำให้คุณพิชิตเป้าหมายได้แล้ว

1 ล้านแรกของผม เริ่มต้นง่ายๆ กับธุรกิจฝึกอบรมด้านบริหารจัดการในโรงงานอุตสาหกรรม ที่มีส่วนต่างกำไรต่อหน่วยหลักพัน ลูกค้าทั้งปีไม่กี่ร้อยคน ผมก็มี 1,000,000 บาทแรกได้สมใจ และทุกวันนี้ผมก็ยังติดใจวิธีการสร้างเงินล้านด้วยโมเดลหลักพันนี้เรื่อยมา

ทำธุรกิจอะไรสักอย่างที่ไม่ได้ทำงานเอง แต่ให้กำไรปีละล้าน … ไม่เลวเลยใช่ไหมครับ

จะว่าไปหลักคิดเรื่องการสร้างเงินล้านด้วยโมเดลนี้ ก็เป็นไปตามสมการแห่งความมั่งคั่งที่ว่า

ความมั่งคั่ง =  คุณค่า x พลังทวี

หรือ เงินล้าน = กำไรต่อหน่วย   x  จำนวนลูกค้า

ดูแล้วไม่น่าจะมีอะไรยาก แต่เชื่อไหมครับ คนส่วนใหญ่ที่รู้จักสูตรนี้มักติดกับดักเล็กๆ ที่บังตา จนทำให้ไม่สามารถสร้างเงินล้านแบบง่ายๆ กับเขาได้สักที

กับดักของสูตรเงินล้านข้างต้นคืออะไร คุณอ่านลองทายดูสิครับ … ถ้านึกไม่ออก ลองอ่านเรื่องต่อไปนี้ดู

ลูกศิษย์ผมคนหนึ่งเปิดร้านขายของที่ระลึกย่านสุขุมวิท เธอรับเอาสินค้าประเภทไม้แกะสลัก ของประดิษฐ์ทำมือจากภาคต่างๆ โดยเฉพาะทางภาคเหนือมาวางจำหน่ายให้กับชาวต่างชาติที่เดินผ่านไปมา

สินค้าโดยส่วนใหญ่ของเธอมีกำไรต่อชิ้นหลักสิบหลักร้อย แผงเล็กๆ ของเธอตั้งอยู่ริมถนน อยู่ชิดติดกับแผงประเภทเดียวกันที่วางเรียงรายสินค้าคล้ายๆ กัน ของที่วางขายบนแนวถนนซ้ำไปซ้ำมา จนทำให้ผู้ซื้อรู้สึกไม่แตกต่าง

หลังจากเธอเริ่มรู้จัก AMAZON.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ขายสินค้าจากทั่วทุกมุมโลก มีตลาดเป็นลูกค้าต่างประเทศอีกหลายร้อยล้านคนอยู่ข้างหลังชื่อโดเมนที่ฟังคล้ายป่าดงดิบ การสร้างเงินล้านของเธอก็ง่ายขึ้น

จากตลาดที่ถูกจำกัดทั้งในเรื่องพื้นที่วางสินค้า เวลาในการจำหน่าย และต้นทุนการสต๊อกสินค้า ปัญหาทั้งหมดนี้ถูกแก้ไขด้วย ตลาดที่ใหญ่ขึ้นหลายเท่าตัว พื้นที่วางสินค้าที่เพิ่มขึ้นเป็นล้านชิ้น ต้นทุนค่าแผงที่ต่ำแค่หลักพันต่อเดือน และที่สำคัญเธอแทบไม่จำเป็นต้องสต๊อกสินค้าเลย

แม้จะโมเดลเดิม ขายของแบบเดิมๆ แต่การเพิ่มขึ้นอย่างมากของตัวคูณ (จำนวนลูกค้า) ก็ทำให้ปีที่ผ่านมา เธอสร้างเงินล้านให้กับตัวเองได้อย่างสบายๆ

ใช่แล้วครับ! ปัญหาของโมเดลเงินล้านที่ทำให้คนส่วนใหญ่ทำตาม

ไม่ได้ ก็คือกับดักคำถามง่ายๆ ที่ว่า … “แล้วฉันจะขายอะไรดี?”

ซึ่งหากคุณคิดคำตอบออก มีไอเดียที่สร้างคุณค่าและตอบสนองความต้องการลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ก็ไม่มีปัญหา

แต่ถ้านึกไม่ออก ด้วยคิดว่ากลัวซ้ำ กลัวเหมือนกับคนอื่น แบบนี้คงต้องรอกันยาวเลยครับ กว่าจะเริ่มคิดเริ่มทำอะไรกับเขาได้

สุดท้ายเลยต้องปล่อยให้คำตอบของคำถามที่ว่า “ไม่รู้จะขายอะไร”​ กลายเป็นข้ออ้างดีๆ ที่ทำให้ไม่ได้เริ่มต้นเสียที และเมื่อไม่มีจุดเริ่มต้น ก็แน่นอนว่าไม่มีเส้นชัย

ถ้าคิดหาอะไรใหม่ๆ ที่เป็นนวัตกรรมไม่ได้ ก็ลองขายในสิ่งที่พอคิดออกหรือนิยมซื้อขายกันเฉพาะกลุ่ม (Niche) แต่มากรายการสักหน่อย แล้วมานั่งหาวิธีการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้าดู คุณก็สามารถถึงเป้าหมายตามสูตรเงินล้านได้เหมือนกัน

โลกใบนี้ 1 หลักการ 1,000,000 วิธี … อย่าสร้างกับดักให้ตัวเอง จนปล่อยให้เงินล้านหลุดมือไปนะครับ