posttoday

ดาบสองคม กับ กองทุนตามเทรนด์

02 พฤศจิกายน 2560

โดย...หมอนัท Fund Clinic

โดย...หมอนัท Fund Clinic

สวัสดีครับ กลับมาพบกับผม หมอนัท ประจำคอลัมน์ Fund Clinic แห่งนี้ครับ ช่วงนี้เป็นอีกช่วงหนึ่งที่การลงทุนนั้นคึกคักเป็นพิเศษ หลังจากที่ตลาดหุ้นไทยเองเริ่มที่จะปรับตัวสูงขึ้นจนใกล้กับที่เคยทำไว้สูงสุดเมื่อหลายปีก่อนอีกครั้งครับ

แต่ไม่เพียงแค่ในตลาดหุ้นไทยเท่านั้นที่กำลังคึกคัก แต่ในตลาดหุ้นในหลายๆ ประเทศเองก็เริ่มที่จะฟื้นตัว ข่าวร้ายต่างๆ เองก็มีน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดครับ ทำให้ผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุนแต่ละประเภทเริ่มที่จะดูดีขึ้น และดึงดูดนักลงทุนให้เข้าไปลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกันครับ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศเองก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นทุกปี เนื่องจากผลตอบแทนย้อนหลังที่ดีขึ้น รวมถึงในปัจจุบันเองกองทุนรวมต่างประเทศเองก็เริ่มที่จะมีหน้าตาที่เปลี่ยนไปจากสมัยก่อนที่เคยเน้นการลงทุนในแต่ประเทศ เช่น หุ้นในตลาดประเทศที่พัฒนาแล้ว หรือว่าตลาดเกิดใหม่ แต่กลายมาเป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในหมวดอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น กลุ่มสุขภาพ กลุ่มการเงิน กลุ่มพลังงาน และที่ออกมาล่าสุด ที่กลายเป็นกองทุนหลักๆ ที่แต่ บลจ.ทยอยกันออกมาเรื่อยๆ อย่างกองทุนกลุ่มเทคโนโลยีนั่นเองครับ

ซึ่งนักลงทุนน้อยคนนักที่จะเข้าใจ การเลือก และวิธีการลงทุนกับกองทุนเหล่านี้ ผมจึงขออนุญาตอธิบายให้นักลงทุนทราบข้อจำกัด และสิ่งที่ต้องทราบก่อนการลงทุนในกองทุนรวมประเภทนี้ เพราะว่าเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงสูง และหากเราไม่เข้าใจก็ยากที่จะลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนที่ดี

โดยส่วนใหญ่กองทุนรวมหมวดอุตสาหกรรม หรือว่า Sector Fund นี้ ผู้ลงทุนควรที่จะต้องมีความเข้าใจในวัฏจักร และปัจจัยที่จะมีผลต่อกลุ่มอุตสหกรรมเป็นอย่างดี เนื่องจากว่ากองทุนเหล่านี้มีความผันผวนมาก และเป็นความผันผวนเฉพาะตัวของแต่ละอุตสาหกรรมอีกด้วย

ตัวอย่างเช่น เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ตัวเลขสถานะทางการเงินของกลุ่มธนาคารค่อนข้างดี ส่งผลให้หุ้นกลุ่มธนาคารเองปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และผลตอบแทนที่เกิดจากการลงทุนในกองทุนกลุ่มแบงค์ หรือกลุ่มอุตสาหรกรรมสถาบันการเงินดีดตัวสูงขึ้นถึง +22%

หากนักลงทุนที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุน เห็นตัวเลขนี้ก็มักจะคิดว่าเป็นกองทุนที่ดี และคนส่วนใหญ่ก็จะทยอยซื้อกองทุนเหล่านี้ไป ซึ่งในปีถัดมานั้นหุ้นกลุ่มธนาคารทำผลงานได้ไม่ดีนัก แถมยังมีเรื่องของหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น ยอดภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงมากขึ้น จึงมีผลทำให้หุ้นกลุ่มธนาคารเองก็ปรับตัวลดลงถึง -23% ในปีนั้น หากใครที่ลงทุนมา 2 ปี ก็อาจจะขาดทุนเพียงเล็กน้อย แต่ว่าคนที่เห็นว่าเมื่อปีที่แล้วผลตอบแทนดี จึงลงทุนในปีที่ 2 แล้วละก็ คงขาดไปถึง -23% อย่างแน่นอน

และเรื่องราวแบบนี้ก็วนไปเกิดซ้ำกับกลุ่มของหุ้นพลังงาน ในช่วงที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอย่างมากจาก 90-100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เหลือไม่ถึง 30 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือไม่ถึง ⅓ ของราคาน้ำมันเดิม

แน่นอนว่า ราคาหน่วยลงทุนของทุนกลุ่มพลังงานเองก็ลดลงอย่างน่าตกใจ แต่ว่าในปีถัดมาที่น้ำมันเองเริ่มฟื้นตัว กองทุนที่ขาดทุนไปยับเยิน ก็บวกกลับอย่างรุนแรงได้ผลตอบแทนประมาณ 50% ต่อปี ในปีถัดมาครับ เรียกได้ว่าใครที่จับจังหวะในกลุ่มอุตสาหกรรมได้อย่างดีแล้วละก็ ก็มีโอกาสที่จะได้กำไรจากการลงทุนที่สูงทีเดียวครับ เปรียบเสมือนดาบ 2 คม ที่มีประโยชน์มากมายหากใช้มันได้อย่างถูกต้องครับ

หรืออีกกรณีหนึ่งที่สังเกตได้จากที่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่จะลงทุนในกองทุนกลุ่มอุตสาหกรรมสุขภาพ หรือว่า Healthcare กันมากขึ้น แต่ด้วยความที่ไม่เข้าใจว่ากลุ่มอุตสาหกรรมนี้มีความเสี่ยงด้านไหนบ้าง แต่จะเน้นดูที่ผลตอบแทนย้อนหลังเป็นหลัก จึงทำให้นักลงทุนแห่เข้าไปลงทุนกันมากมาย แต่ส่วนใหญ่ก็จะบ่นว่าได้ผลตอบแทนไม่ค่อยดี หรือว่าบางท่านอาจจะยังขาดทุนอยู่เสียด้วยซ้ำ

ทั้งนี้ กองทุนในหมวดอุตสาหกรรม Healthcare ผลตอบแทนจะขึ้นอยู่กับข่าวการเมือง เช่น ในช่วงที่มีการเลือกตั้งในสหรัฐ และมีการหาเสียงในด้านนโยบายสาธารณสุข ที่อาจจะต้องมีการยกเลิกระบบประกันสุขภาพ Obama Care หรือแม้แต่นโยบายการควบคุมราคายาเองก็มีผลกระทบต่ออุตสาหรกรรมนี้โดยตรง เพราะว่าหากนโยบายต่างๆ นี้ออกมาจริงๆ ก็มีโอกาสทำให้บริษัทยามีกำไรที่ลดลง จึงทำให้ในช่วงก่อนราคาหน่วยลงทุนของกองทุน Healthcare ที่นักลงทุนลงทุนอยู่ปรับตัวลดลงอย่างมาก

ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลกระทบต่อกลุ่ม Healthcare นั่นก็คือ เรื่องของเทคโนโลยีทางการแพทย์ และสังคมผู้สูงอายุที่กำลังจะมาถึง ซึ่งต้องใช้เวลากว่าสังคมผู้สูงอายุจะมาถึง แต่ว่านักลงทุนส่วนใหญ่ลงทุนกับกองทุนกลุ่มนี้ ก็มักจะอยากได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นเร็วๆ ทั้งๆ ที่ปัจจัยส่งเสริมยังมาไม่ถึง และต้องใช้เวลาในการปรับใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา

แน่นอนว่า ไม่ได้มาอย่างรวดเร็ว ดังนั้น การลงทุนในกลุ่ม Healthcare นั้นอาจจะต้องรอนานเสียหน่อยกว่าจะได้ผลตอบแทนที่ดี และคุ้มค่าในการลงทุน ดังนั้น นักลงทุนเองหากมั่นใจว่ากองทุนนี้เป็นเมกะเทรนด์ของโลกใบนี้แล้ว ก็ควรที่จะให้เวลากับกองทุนประเภทนี้ด้วย รวมถึงนักลงทุนเองก็ควรที่จะมีการกระจายพอร์ตการลงทุนไปยังกองทุนประเภทอื่นๆ ด้วย เพื่อลดความผันผวนที่จะเกิดขึ้นจากการลงทุนในกองทุนรวมหมวดอุตสาหกรรมนี้

ดังนั้น นักลงทุนเองก็ควรที่จะเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดัชนีของหุ้นในแต่ละประเทศ หรือในแต่ละเทรนด์การลงทุนเองปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก แน่นอนว่าการปรับตัวขึ้นมาทำให้ความเสี่ยงในการลงทุนก็สูงมากขึ้นไปด้วยครับ ขอให้นักลงทุนทุกท่านโชคดีในการลงทุนกับกองทุนกลุ่มอุตสาหกรรมนะครับ