posttoday

ซมโปะประกันภัย พุ่งเป้าติด1ใน10

16 กันยายน 2560

เป็นเวลาเกือบ 1 ปีแล้ว ที่บริษัทสมโพธิ์ เจแปน นิปปอนโคอะ ประกันภัย (ประเทศไทย)

เป็นเวลาเกือบ 1 ปีแล้ว ที่บริษัทสมโพธิ์ เจแปน นิปปอนโคอะ ประกันภัย (ประเทศไทย) ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นบริษัท ซมโปะ ประกันภัย (ประเทศไทย) ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 2560 เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทแม่ ซมโปะ โฮลดิ้งส์ (Sompo Holdings) ประเทศญี่ปุ่น ที่ต้องการสะท้อนความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของ ซมโปะ กรุ๊ป ทั่วโลก โดยมีพันธกิจหลักในการยึดถือนโยบายการดำเนินงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ให้บริการที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า

อิศรศักดิ์ เทศรัตนวงศ์ บริษัท ซมโปะ ประกันภัย (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในปี 2560 เป็นปีที่บริษัทครบรอบ 20 ปี ในการดำเนินธุรกิจในไทย ซึ่งในช่วงแรกๆ 15-16 ปีที่ผ่านมา บริษัทจะให้บริการกับลูกค้าญี่ปุ่นที่มาลงทุนในไทยและมีภารกิจหลักในการดูแลลูกค้าญี่ปุ่นอย่างเดียว อย่างเมื่อตอนเกิดน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ก็เป็นลูกค้าญี่ปุ่นที่ถูกน้ำท่วมในนิคมอุตสาหกรรมเกือบ 100% ที่ได้รับความเสียหาย และบริษัทก็ดูแลลูกค้าทุกรายให้พ้นวิกฤตได้

“บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นบอกว่าแม้สูญเสียเยอะก็ไม่หวั่น ซึ่งหลังจากน้ำท่วมผ่านไป บริษัทก็ได้เพิ่มทุนอีก 2,000 ล้านบาท และเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญเมื่อบริษัทแม่เองก็ตั้งเป้าจะต้องติด 1 ใน 10 บริษัทประกันภัยชั้นนำของโลกให้ได้” อิศรศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ การจะติดอันดับบริษัท 1 ใน 10 ได้นั้น จะต้องมีการขยายไปยังตลาดยุโรปและสหรัฐ ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาบริษัทแม่ก็ได้ไปซื้อบริษัทประกันในอังกฤษ และเมื่อปี 2559 ก็ได้เข้าไปซื้อบริษัทประกันภัยอีกแห่งหนึ่งในสหรัฐ ซึ่งทั้งสองบริษัทนี้ก็มีความเชี่ยวชาญด้านประกันพืชผลด้วย และมีความเชี่ยวชาญพิเศษในตลาดยุโรปและสหรัฐ

ส่วนในตลาดอาเซียนอย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และไทยนั้น  จะเน้นเบี้ยจากลูกค้ารายย่อยเป็นหลัก  ด้วยปัจจัยต่างๆ ในภูมิภาคและการเติบโตทางเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับดี ยังมีการลงทุนเรื่องโครงสร้างพื้นฐานและมีประชากรมาก โดยเฉพาะอินโดนีเซีย ไทย เวียดนาม ที่ยังมีอัตราการถือครองกรมธรรม์ต่อประชากรต่ำอยู่ ซึ่งบริษัทแม่ตั้งเป้าไว้ให้แต่ละประเทศที่มีบริษัทลูกอยู่ต้องติด 1 ใน 10 ให้ได้ภายในปี 2563 เช่นกัน

อย่างซมโปะในไทย เมื่อปี 2555 อยู่อันดับที่ 33  เมื่อปี 2559 อยู่อันดับที่ 25 และเมื่อช่วง 5 เดือนแรกปี 2560 อยู่อันดับที่ 19  ซึ่งในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ซมโปะไทยติดอยู่อันดับสูงมาโดยตลอด

สำหรับกลยุทธ์หลักจะมีการขยายช่องทางขายใหม่ เน้นผ่านทางพันธมิตรที่เป็นธนาคาร สถาบันการเงิน ผู้ผลิตรถยนต์ นายหน้า และตัวแทน รวมถึงการทำตลาดโดยตรงผ่านช่องทางดิจิทัล หรือ ช่องทางออนไลน์ ส่วนตัวสินค้าจะเน้นแบบประกันสำหรับรายย่อยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นประกันรถยนต์ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) ประกันสุขภาพ ประกันทรัพย์สินส่วนบุคคล ประกันภัยการเดินทาง และประกันธุรกิจเอสเอ็มอี โดยทำควบคู่ไปกับการสร้างยี่ห้อซมโปะ ประกันภัย ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทได้มีการดำเนินการด้านการปรับระบบไอทีมาตั้งแต่ปลายปี 2559-2560 เพื่อพัฒนาระบบหลังบ้านเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบัญชี การออกกรมธรรม์ การเคลม จะเริ่มใช้จริงต้นปี 2561 ใช้งบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท ในหลายประเทศร่วมกัน

จุดประสงค์ก็เพื่อ 1.เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ซึ่งต้องมีระบบงานที่ดี 2.ระบบนี้ต้องเชื่อมต่อกับระบบดิจิทัลและเทคโนโลยีในอนาคต บริการได้กับลูกค้า ตัวแทน และพันธมิตรต่างๆ  ซึ่งระบบหลังบ้านต้องเชื่อมต่อได้ง่าย และ 3.ความปลอดภัยของข้อมูลซึ่งหลีกหนีไม่ได้ เป็นความเสี่ยงที่ต้องป้องกันให้ได้ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเงิน

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าทำเบี้ยให้ได้ 3,000 ล้านบาท และอีก 3 ปีข้างหน้า (ปี 2563) เบี้ยจะเติบโตเพิ่มเป็น 6,000 ล้านบาท โดยเพิ่มสัดส่วนลูกค้ารายย่อยให้มากขึ้น ซึ่งหลังจากนี้จนถึงปี 2563 บริษัทจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งลูกค้ารายย่อยและลูกค้าองค์กร โดยจะมีสัดส่วนลูกค้าที่เท่ากันอย่างละ 50% เมื่อเทียบกับปัจจุบันที่มีลูกค้าองค์กร 69% และลูกค้ารายย่อย 31%

“สิ่งที่เป็นหัวใจหลักของบริษัท คือ สร้างพื้นฐานต้องแน่น ถ้าไม่แน่นก็เจริญเติบโตได้ยาก อย่างไรก็ตามวิสัยทัศน์ของบริษัทไม่ได้เน้นเรื่องการเติบโตอย่างเดียว แต่บริษัทคือผู้ให้บริการลูกค้าที่ดีที่สุดทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งเราต้องทำให้ได้” อิศรศักดิ์  กล่าว