posttoday

อัญชสา มงคลสมัย แบ่งใช้ให้ชัดไม่มีหนี้

05 กันยายน 2560

"เราแบ่งทุกส่วนไว้ชัดเจนตั้งแต่ต้นแล้ว ซึ่งการแบ่งเงินแบบนี้ก็ทำให้เราไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินขาดมือเลย"

นักแสดงหาเงินง่าย ได้เงินง่ายจะตาย ความคิดเหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งที่คนดูละครหลายๆ คนคิดกัน เพียงเพราะเห็นพวกเขาเหล่านี้แต่งตัวสวยหล่อผ่านหน้าจอทีวี เห็นไลฟ์สไตล์ที่ดูมีความสุขผ่านช่องทางสังคมออนไลน์ แลดูแล้วชีวิตดี๊ดีมีเงินใช้ไม่ขาดมือ ในโลกของความเป็นจริง “นักแสดง” จัดเป็นอาชีพอิสระอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงที่มีสังกัดหรือไม่มีก็ตาม เพราะนักแสดงจะมีรายได้ก็ต่อเมื่อมีละคร ภาพยนตร์ ให้แสดง หรือไปออกงานต่างๆ แต่เมื่อไหร่ก็ตามงานไม่เข้าเงินก็จะหายเรียบไปทันที ดังนั้นหากใครที่อยู่ในอาชีพนี้แล้วบริหารจัดการการเงินไม่ดี ชีวีในยามเกษียณก็อาจจะไม่เป็นสุขสักเท่าไร

ใบเฟิร์น-อัญชสา มงคลสมัย นักแสดงชื่อดังในวัย 24 ปี ที่เพิ่งมีผลงานละครเสน่หา ไดอารี่ ตอนกับดักเสน่หา ไปไม่นานนี้ น่าจะเป็นนักแสดงคนหนึ่งที่เป็นตัวอย่างที่ดีในการบริหารการเงินได้

ใบเฟิร์น ระบุว่า คุณพ่อคุณแม่คือส่วนสำคัญที่ทำให้ใบเฟิร์นเห็นความสำคัญเรื่องการบริหารจัดการทางการเงิน ทำให้ใบเฟิร์นใส่ใจเรื่องการออมตั้งแต่ยังเรียนอยู่มัธยมปลาย ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะใบเฟิร์มเริ่มทำงานจริงๆ ตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เมื่อได้เงินมาคุณพ่อคุณแม่ก็จะบอกให้แบ่งเงินเป็น 3 บัญชี ส่วนแรก 35% ไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ส่วนต่อมา 35% เก็บไว้สำหรับค่าใช้จ่ายใหญ่ๆ โดยไม่ต้องพึ่งพาเงินของคุณพ่อคุณแม่ เช่น ไปเที่ยว หรือซื้อของที่ใช้เงินก้อนใหญ่ ส่วนสุดท้าย 30% ก็เก็บไว้จ่ายค่าใช้จ่ายประจำปลายปี เช่น ค่าประกันชีวิต ค่าภาษียังมีเงินส่วนที่ 4 ที่ใบเฟิร์นไม่รวมในนี้ คือส่วนที่แบ่งไว้ลงทุน เพราะปัจจุบันคุณพ่อจะเป็นคนช่วยดูแลเรื่องการนำเงินไปลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) ให้ ซึ่งใบเฟิร์นก็จะแบ่งเงินก้อนนี้ออกไปก่อนที่จะแบ่งเงินเป็น 3 บัญชี

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตเมื่อโตกว่านี้ก็คงต้องเก็บเงินเพื่อเตรียมไว้ไปลงทุนในธุรกิจอะไรสักอย่างด้วย แต่ก่อนจะลงทุนใบเฟิร์นก็คงต้องศึกษาจนมั่นใจเสียก่อนที่จะใช้เงินนั้นไปลงทุนเอง 

ใบเฟิร์น มองว่า การแบ่งเงินไว้ก่อนเช่นนี้จะทำให้เราไม่เกิดปัญหาหนี้สิน เพราะเราจะรู้ว่ามีเงินใช้ในชีวิตประจำวันเท่าไร จะมีเงินไปท่องเที่ยวหรือซื้อสิ่งของใหญ่ได้แค่ไหน ก็จะไม่มีปัญหาว่าใช้จ่ายเงินในชีวิตประจำวัน ไปเที่ยวจนเต็มที่พอกลับมาก็ไม่เหลือเงินเก็บ “เราแบ่งทุกส่วนไว้ชัดเจนตั้งแต่ต้นแล้ว ซึ่งการแบ่งเงินแบบนี้ก็ทำให้เราไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินขาดมือเลย” ใบเฟิร์น กล่าว

อัญชสา มงคลสมัย แบ่งใช้ให้ชัดไม่มีหนี้

นอกเหนือจากคุณพ่อคุณแม่ที่ทำให้ใบเฟิร์นเห็นความสำคัญของการบริหารจัดการเงินแล้ว อีกส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะเมื่อก้าวเข้ามาอยู่ในอาชีพนักแสดงแล้ว ใบเฟิร์นก็เห็นว่าอาชีพนักแสดงได้เงินมาไม่แน่นอน แม้หลายคนจะมองว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ได้เงินสูง ซึ่งก็ใช่ที่ได้เงินก้อนมาจริง แต่อย่าลืมว่าเงินก้อนนี้ไม่ใช่ได้เป็นประจำทุกเดือนจึงต้องรู้จักบริหารให้ดีอย่างเช่น ละคร จะได้เงินก็ต่อเมื่อละครนั้นได้ออกอากาศแล้ว ขณะที่ในช่วงเวลาที่ถ่ายละครอยู่จะยังไม่ใช้เงินทันที ซึ่งหากในช่วงระหว่างรอละครออกอากาศนาน 6-7 เดือน แล้วไม่มีงานอื่นๆ เลยนอกเหนือจากละครก็แปลว่า 6-7 เดือนนั้น จะไม่มีรายได้เข้ามาเลย ด้วยเหตุนี้นักแสดงอย่างใบเฟิร์นจึงต้องมองหาช่องทางการหารายได้เสริมให้ตัวเอง เช่น การเป็นบล็อกเกอร์ท่องเที่ยว ซึ่งเมื่อมีผู้ติดตามมากๆ ก็จะมีผู้สนับสนุนเข้ามาบ้าง แต่รายได้เสริมนี้ก็ไม่แน่นอนเช่นกัน เมื่อรายได้หลักจากละครไม่แน่นอน และรายได้เสริมเช่น การเป็นบล็อกเกอร์ล้วนไม่แน่นอน อีกสิ่งที่ทำได้ก็คือการรู้จักใช้จ่ายอย่างพอเพียง 

ใบเฟิร์น กล่าวว่า จะใช้จ่ายแต่ในสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น ส่วนอะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ใช้จ่าย ซึ่งใบเฟิร์นไม่ใช่คนที่ใช้จ่ายเงินออกไปง่ายๆ อยู่แล้ว และเชื่อว่าตัวเองใช้เงินเป็น สิ่งที่ใบเฟิร์นตัดสินใจใช้จ่าย อย่างเช่นการไปลงทุนซื้อกล้องถ่ายรูปดีๆ มา ซึ่งใบเฟิร์นซื้อเพราะมองเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ภาพที่ลงในงานบล็อกเกอร์สวยขึ้น สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่จะมาสนับสนุนได้มากขึ้น ขณะที่การซื้อเสื้อผ้าสวยๆ นั้น สำหรับใบเฟิร์นมองว่าเป็นสิ่งไม่จำเป็น แม้จะเป็นสิ่งที่ผู้หญิงหลายคนมักจะเสียเงินไปก็ตามเช่นเดียวกับกระเป๋า ที่ไม่จำเป็น ไม่ใช่ว่าออกรุ่นใหม่เมื่อไหร่ต้องซื้อ แต่จะต้องมองก่อนว่าสิ่งที่มีอยู่ยังใช้ได้หรือไม่ ถ้ายังใช้ได้ดีก็ใช้ต่อไปและดูแลรักษาให้ดี ไม่ต้องไปตามกระแส “เราไม่ต้องวิ่งตามแฟชั่น ก็จะไม่เกิดการฟุ่มเฟือย”ใบเฟิร์น กล่าว

ทั้งนี้ ใบเฟิร์น กล่าวอีกว่า อยากฝากไปถึงวัยรุ่นด้วยว่าหลายครั้งเห็นวัยรุ่นสมัยนี้ไม่ค่อยออมเงินกัน พอเพิ่งเริ่มหาเงินได้ก็อาจจะรู้สึกว่ามีเงินในมือต้องใช้ ก็อยากให้มองไปไกลขึ้นด้วยว่าในอนาคตเรายังต้องมีค่าใช้จ่ายทั้งเพื่อดูแลตัวเองและคนในครอบครัว ดังนั้นอย่าคิดว่า เราใช้ได้เท่าที่เรามี ใบเฟิร์นก็มองตัวเองเช่นกันว่า ทุกวันนี้ยังมีพ่อแม่อยู่ภาระค่าใช้จ่ายหลายอย่างใบเฟิร์นยังไม่ต้องรับผิดชอบ แต่ก็ต้องมองไปไกลถึงอนาคตว่า ถ้าสมมติพวกท่านไม่อยู่เราจะรับภาระที่มีได้อย่างไร เมื่อคิดได้แบบนี้ก็จะทำให้เราใช้เงินแบบรู้จักคิดมากขึ้น 

นี่คือวิธีคิดดีๆ ของนักแสดงที่ทำงานตั้งแต่ยังวัยรุ่นและก็เริ่มเก็บเงินตั้งแต่วัยนี้เลย ไม่ได้ใช้จ่ายเงินจนเพลินมือ โดยไม่คำนึงถึงอนาคตวันข้างหน้า หากใครที่ทำงานอิสระ ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงหรืองานอื่นๆ ก็ตาม ก็ควรตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องการออมตั้งแต่ในวันเริ่มต้นทำงาน อย่ารอให้ทุกอย่างสายเกินไปแล้วมานั่งนึกได้ทีหลัง ก็ปรับตัวไม่ทันแล้ว &O5532;