posttoday

ประกันสุขภาพ เลือกอย่างไรให้ถูกจริต

11 ธันวาคม 2561

ในยุคที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการเจ็บป่วยและอุบัติเหตุพุ่งสูงขึ้นทุกปี และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลก็โตเป็นเงาตามตัว

เรื่อง วิศรุต จารุอนันตพงษ์ AFPT™ Assistant Wealth Manager ธนาคารทิสโก้

ในยุคที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการเจ็บป่วยและอุบัติเหตุพุ่งสูงขึ้นทุกปี และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลก็โตเป็นเงาตามตัว การเลือกประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์และเหมาะกับตัวเราไม่ใช่สิ่งที่ง่ายเลย ซึ่งประกันสุขภาพแบบเดิมหรือประกันสุขภาพแบบแยกค่ารักษากับประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายต่างมีเอกลักษณ์ของตัวเอง

ในบทความนี้จะชี้ให้เห็นถึงจุดเด่นและจุดด้อยของประกันสุขภาพทั้งสองแบบให้เข้าใจอย่างง่ายๆ แต่ก่อนจะพูดถึงข้อมูลของทั้งคู่ เราต้องทราบถึงข้อมูลและสถานการณ์ปัจจุบันก่อน เพื่อเน้นย้ำถึงความสำคัญของการประกันสุขภาพ

จากรายงานสถิติสาธารณสุข สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ในปี 2560 สาเหตุหลัก 3 อันดับแรกที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตได้แก่ โรคมะเร็ง โรคที่เกี่ยวข้องกับปอด และโรคหลอดเลือดในสมอง ซึ่งหากคิดเป็นต่ออัตราการตาย 1 แสนราย จะพบว่าตัวเลขของทั้งสามโรคอยู่ที่ 120.5, 45.3 และ 35.9 ราย ตามลำดับ หรือกล่าวคือ ปีๆ หนึ่งจะมีคนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งราว 7 หมื่นคน คิดเป็น 1 คนต่อทุกๆ 8 นาที และมีคนตรวจพบว่าตนเองเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นนับแสนคนต่อปี ซึ่งสถิติเหล่านี้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและแสดงให้เห็นว่าการเจ็บป่วยด้วยโรคภัยต่างๆ ไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัวอีกต่อไป

นอกจากนี้ ค่ารักษาพยาบาลในปัจจุบันยังเพิ่มขึ้นทุกปีเฉลี่ยปีละ 8-10% และหากเราต้องการที่จะได้รับการรักษาจากหมอที่เก่งหรือโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงด้วยแล้ว ค่ารักษาพยาบาลอาจอยู่ในระดับหลักแสนหรือหลักล้านได้เลยทีเดียว ซึ่งประกันสุขภาพเปรียบเสมือน “ตัวช่วย” ให้กับเราในยามที่เราเจ็บป่วย ทำให้ไม่ต้องควักเงินก้อนโตออกจากกระเป๋าอีกด้วย

ถึงตรงนี้เชื่อว่าทุกท่านคงตระหนักถึงความสำคัญของประกันสุขภาพกันแล้ว ซึ่งประกันสุขภาพแต่ละแบบจะมีลักษณะและจุดเด่นจุดด้อยไม่เหมือนกัน โดยประกันสุขภาพแบบแยกค่ารักษา เป็นประกันสุขภาพแบบดั้งเดิมที่มีมาก่อนแบบเหมาจ่าย โดยประกันสุขภาพแบบแยกค่ารักษามักถูกนำเสนอในรูปแบบที่เป็นสัญญาเพิ่มเติมกรมธรรม์หลัก หรือที่เรียกว่า Rider ซึ่งจะต้องซื้อควบคู่ไปกับกรมธรรม์ประกันชีวิต และอีกรูปแบบหนึ่งจะขายแยกเป็นกรมธรรม์เดี่ยวๆ ซึ่งประกันสุขภาพแบบแยกค่ารักษา บริษัทประกันฯ จะแยกวงเงินความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแต่ละรายการออกมา เราสามารถเบิกเคลมค่ารักษาได้ตามจริงและจะต้องไม่เกินวงเงินความคุ้มครองของแต่ละรายการ ซึ่งหากค่าใช้จ่ายจริงสูงกว่าความคุ้มครอง เราก็ต้องเป็นผู้รับภาระส่วนต่างดังกล่าว

ประกันสุขภาพ เลือกอย่างไรให้ถูกจริต

จุดเด่นประกันสุขภาพแบบแยกค่ารักษามี 2 ประเด็น

1.เบี้ยประกันที่ถูกกว่าประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายมาก ทำให้คนที่มีงบจำกัดหรือต้องการหาประกันสุขภาพให้คนที่รักสามารถเข้าถึงประกันสุขภาพได้โดยไม่เป็นภาระจนเกินไป

2.ประกันสุขภาพแบบแยกค่ารักษาจะไม่มีการกำหนดวงเงินคุ้มครองสูงสุดต่อปี ทำให้ในปีใดหากเราเจ็บป่วยเป็นจำนวนหลายโรค เราสามารถที่จะเบิกความคุ้มครองที่เริ่มนับใหม่ได้เรื่อยๆ แต่หากเป็นโรคเดิมซ้ำจะต้องรอ 90 วัน หลังจากวันที่ออกจากพยาบาล

ในทางกลับกันประกันประเภทนี้จะมีวงเงินที่ค่อนข้างน้อยกว่าประกันสุขภาพแบบอื่น นอกจากนี้รายการหรือรายละเอียดที่คุ้มครองอาจจะไม่ครอบคลุมเท่ากับประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย ส่วนประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย เป็นรูปแบบที่ถูกต่อยอดมาจากประกันสุขภาพแบบแยกค่ารักษา เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้นทำให้วงเงินคุ้มครองของประกันสุขภาพแบบเดิมไม่เพียงพอ จึงทำให้ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน โดยประกันสุขภาพประเภทนี้ได้ชื่อว่าประกันสุขภาพแบบ “เหมาจ่าย” ก็แปลว่าค่ารักษาพยาบาลหลายรายการที่จ่ายจริงสามารถเบิกได้เรื่อยๆ แต่ต้องไม่เกินวงเงินคุ้มครองต่อปี ส่วนรายการใดไม่รวมอยู่ในแบบเหมาจ่ายก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกันฯ

จุดเด่นประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายมี 2 ประเด็น

1.มีวงเงินคุ้มครองที่สูง มักจะอยู่ในระดับหลักล้าน ทำให้ความคุ้มครองที่ได้มักจะเพียงพอกับค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นจริง เพราะในความเป็นจริงค่ารักษาพยาบาลหลักที่เราต้องจ่ายคือ ค่าผ่าตัด ค่าเคมีและรังสีบำบัด และค่าศัลยกรรมผู้ป่วยนอก ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงและความคุ้มครองของประกันสุขภาพแบบแยกค่ารักษาอาจไม่เพียงพอ

2.ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายผู้เอาประกันจะได้รับความคุ้มครองในรายการที่หลากหลายกว่าประกันสุขภาพแบบแยกค่ารักษา

อย่างไรก็ตาม จุดด้อยของประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายคือ ค่าเบี้ยประกันที่สูงกว่าประกันสุขภาพแบบแยกค่ารักษาจะเห็นได้ว่าประกันสุขภาพแบบแยกค่ารักษาและประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายต่างมีจุดเด่นและจุดด้อยของตัวเอง ซึ่งการที่เราจะเลือกแบบประกันได้ถูกจริต เราจะต้องเริ่มจากการสำรวจตัวเองว่ามีความเสี่ยงในด้านใดบ้างและโรงพยาบาลที่เราใช้บริการมีอัตราค่ารักษาพยาบาลที่มากน้อยเพียงใด เพื่อที่จะได้จับคู่ความต้องการของเราและรูปแบบของกรมธรรม์ประกันสุขภาพให้เหมาะสม