posttoday

เริ่มต้นสร้างความสำเร็จ อย่าคิดถึงแต่‘เงิน’

29 พฤศจิกายน 2561

ครั้งหนึ่งมีโทรศัพท์ลึกลับจากชายไม่ทราบชื่อ หลังไมค์มาขอปรึกษาเรื่องอยากออกมาทำธุรกิจส่วนตัว (ไม่ทราบว่าได้เบอร์ของผมมาจากที่ไหนเหมือนกัน)

เรื่อง...จักรพงษ์ เมษพันธุ์

ครั้งหนึ่งมีโทรศัพท์ลึกลับจากชายไม่ทราบชื่อ หลังไมค์มาขอปรึกษาเรื่องอยากออกมาทำธุรกิจส่วนตัว (ไม่ทราบว่าได้เบอร์ของผมมาจากที่ไหนเหมือนกัน)

ร่วม 10 นาทีแรกที่คุยกัน พี่เขาวนอยู่เรื่องเดียว คือ ความน้อยเนื้อต่ำใจและรายได้จากงานที่ทำอยู่ในปัจจุบัน โดยแทบไม่ได้เข้าเรื่องกิจการที่ฝันอยากจะทำเลย

“ผมคิดดูแล้ว ยังไงก็สู้เราทำเองไม่ได้ ได้รับผลตอบแทนเต็มๆ กำไรเนื้อๆ” ไม่ว่าจะขึ้นต้นด้วยเรื่องอะไร สุดท้ายแทบจะจบด้วยประโยคนี้ทุกครั้ง

คุยไปสักพักเขาเริ่มคุยถึงชีวิตผม... “แล้วอาจารย์มาเป็นนักแปลนักเขียนได้อย่างไรครับ ผมเองก็เก่งภาษาอังกฤษนะ น่าจะพอทำงานแปลได้”

“ผมไม่ได้เป็นนักแปลหรอกครับ นักแปลต้องแปลได้ทุกเรื่อง แต่ที่ผมแปล เพราะอยากแปล เพราะอยากรู้และเข้าใจเรื่องนั้นมากกว่า อย่างตอนนั้นสนใจเรื่องเงิน อยากรู้ อยากเข้าใจลึกๆ ในเรื่องการเงิน เลยลองแปลหนังสือการเงินดู”

“แปลหนังสือได้เงินเท่าไหร่ครับอาจารย์?”

“ถ้าหนังสือราคาขายสักเล่มละ 200 บาท คนแปลก็น่าจะสัก 4.5-6 หมื่นบาท/เล่มครับ”

“ทำไมน้อยจังละครับ อาจารย์ใช้เวลานานมั้ยกว่าจะแปลเสร็จ”

“โห ... นานครับ ผมไม่เก่งภาษาอังกฤษมาก อาศัยใจสู้ ถ้านับเวลาแปลจริงๆ ไม่เถลไถล ก็ 4-5 เดือน/เล่มเลย”

“งั้นก็ไม่เวิร์กแล้วละครับ เงิน 6 หมื่นใช้เวลาตั้ง 5 เดือน เอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้เงินเยอะกว่าครับ”

ผมนิ่งเงียบ ไม่ได้พูดอะไรต่อ ...

“แล้วเขียนหนังสือละครับ ได้เงินเท่าไหร่”

“ก็ 10% จากยอดปก คูณราคาขายครับ”

“งั้นก็ไม่เวิร์ก ได้ยินว่านักเขียนเมืองไทย ขายได้ 1 หมื่นเล่มก็เก่งมากแล้ว แถมต้องขายเป็นปีกว่าจะได้ขนาดนั้น ถ้าปกนึง 200 บาท ต่อให้ขายดี ทั้งปีก็ได้แค่ 2 แสน”

หลังวางสาย ผมรู้สึกเป็นห่วงพี่ผู้ชายท่านนี้ว่า จะออกมาทำธุรกิจไหวหรือเปล่า เพราะตลอดเวลาที่คุยกัน เขาพูด เขาบ่น เขาคุยแต่เรื่องเงิน ไม่รู้มีใครบอกเขาหรือเปล่าว่า ช่วงแรกของการทำธุรกิจ เขาอาจไม่ได้เงินเลยก็เป็นได้นะ

การทำอะไรโดยใช้เงินเป็นตัวตั้งเพียงอย่างเดียว หลายครั้งมันทำให้เรามองไม่เห็นประตูแห่งโอกาสอีกหลายบานที่ซ่อนอยู่

ผมทำงานแปล สาบานได้เลยว่า ไม่ใช่เพราะอยากได้เงิน แต่เพราะอยากเรียนรู้ในสิ่งที่ผู้เขียนหนังสือเล่าให้ลึกซึ้ง (ตอนนั้นอินกับงานเขียน Rich Dad Poor Dad ของโรเบิร์ต คิโยซากิ มาก) ลงมือทำทั้งที่ยังไม่ได้เก่งภาษาเลยแม้แต่น้อย

นั่งแปลไปแปลมา ก็เริ่มพบความจริงว่า การอ่านทำความเข้าใจเอง กับการอ่านเพื่อแปล เรียบเรียง และสื่อสารให้คนอื่นอ่านเข้าใจด้วยนั้น แตกต่างกันมาก ไหนจะการที่ได้อีเมลพูดคุยกับผู้เขียนด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ผมเข้าใจในสิ่งที่เขาเขียนได้มากขึ้น และสุดท้ายแล้ว ความรู้ตรงนั้นนั่นแหละ ที่ทำเงินให้ผมอย่างมากมายในภายหลัง (นี่ยังไม่นับที่คนได้รู้จักเรา และนำพาโอกาสต่างๆ เข้ามาในชีวิตเราอีกนะ)

เริ่มต้นคิดทำอะไร ตั้งโจทย์จากสิ่งที่ไม่ใช่เงินบ้างนะครับ เอาเงินออกจากหัวไปก่อนบ้าง คิดถึงการสร้างคุณค่าก่อน สร้างงานให้ดีก่อน ทำให้คนที่ได้ผลงานเรา สินค้าเรา บริการเรา ได้รับประโยชน์สูงสุดก่อน

แล้วเดี๋ยวเงินทองมันจะไหลมาเองครับ