posttoday

เทอมฟันด์... แหล่งพักเงินที่ไม่ควรมองข้าม

29 พฤศจิกายน 2561

เชื่อว่าช่วงนี้ นักลงทุนอยู่ในภาวะที่อึดอัด ทั้งจากการลงทุนทั่วโลกที่ผันผวน อัตราดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาขึ้น

เรื่อง...พูลศรี เจริญ 

เชื่อว่าช่วงนี้ นักลงทุนอยู่ในภาวะที่อึดอัด ทั้งจากการลงทุนทั่วโลกที่ผันผวน อัตราดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาขึ้น การจะลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวก็จะทำให้มีความเสี่ยง ขณะเดียวกับที่เงินฝากในประเทศก็ยังต่ำเตี้ย

ทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจในยามนี้ เห็นทีจะเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้แบบมีกำหนดระยะเวลา (เทอมฟันด์) ที่จะเห็นได้ว่าช่วงนี้บริษัทจัดการลงทุนแทบทุกค่ายได้ออกกองทุนดังกล่าวมาเสนอขายเพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า

ชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ ซึ่งประกอบด้วย กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 206 (KTFF206) อายุโครงการ 12 เดือน และกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 210 (KTFF210) อายุโครงการ 6 เดือน เสนอขายตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 3 ธ.ค. 2561 เน้นลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ต่างประเทศ ไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เพื่อเป็นการเลือกให้กับนักลงทุนในการเลือกลงทุนตามระยะเวลาที่เหมาะสมกับตนเอง

ทั้งนี้ กองทุน KTFF 206 และกองทุน KTFF 210 เน้นลงทุนในเงินฝากประจำ Agricultural Bank China Abu Dhabi Commercial Bank Al Ahli Bank บัตรเงินฝาก China Merchants Bank บัตรเงินฝาก Qatar National Bank และพันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ผลตอบแทนของกองทุน KTFF206 ประมาณ 1.80% ต่อปี ส่วนกองทุน KTFF210 ผลตอบแทนประมาณ 1.60% ต่อปี โดยบุคคล ธรรมดาไม่เสียภาษี ณ ที่จ่าย

สำหรับอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศ ปรับตัวลงทุกช่วงอายุตามแรงซื้อของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ หลังตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ประกาศออกมาอยู่ที่ 3.3% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ ได้รับข่าวแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ไปแล้ว และความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อลดความเสี่ยงจากกระแส Risk Off ในตลาดหุ้นสหรัฐ โดยตลาดตอบรับการประมูลพันธบัตรรุ่นอายุคงเหลือ 14 ปี และพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุคงเหลือ 2 ปี ค่อนข้างดี

ด้านนักลงทุนต่างชาติสัปดาห์ที่ผ่านมา มียอดซื้อสุทธิ 1.1 หมื่นล้านบาท โดยอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวลดลง 0.5% มาอยู่ที่ 1.89% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง 0.6% มาอยู่ที่ 2.29% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง 0.5% มาอยู่ที่ 2.73% ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ปรับตัวลดลงเกือบทุกช่วงอายุ