posttoday

บ้านในมิติของการลงทุน

04 พฤษภาคม 2561

ปัจจุบันมีวัยรุ่นที่คิดว่า การมีบ้านเป็นของตัวเองเป็นเรื่องจำเป็นน้อยลงทุกปี ชวนให้คิดว่าในอีกไม่ช้า

เรื่อง บีเซลบับ ภาพ เอพี 

ปัจจุบันมีวัยรุ่นที่คิดว่า การมีบ้านเป็นของตัวเองเป็นเรื่องจำเป็นน้อยลงทุกปี ชวนให้คิดว่าในอีกไม่ช้า สัดส่วนของคนที่คิดว่า การมีบ้านเป็นเรื่องจำเป็นคงกลายเป็นครึ่งต่อครึ่ง หรือแม้กระทั่งน้อยกว่า 50% ก็เป็นไปได้ ทำไมการมีบ้านเป็นของตัวเองจึงเป็นเรื่องจำเป็น ขอชวนคุยในมุมของการลงทุน

วัยรุ่นที่คิดว่าการมีบ้านอยู่อาศัยของตัวเองไม่จำเป็น สาเหตุประการแรกเพราะราคาบ้านแพงเกินไป ข้อสอง เพราะไม่คาดหวังว่าต่อไปบ้านจะมีราคาถูกลง ข้อสามไม่อยากมีภาระผูกพันระยะยาว จุดนี้ทำให้หลายคนถอดใจไม่ซื้อบ้าน คนที่มีอายุตั้งแต่ 30-40 ปีไม่ซื้อบ้าน และใช้วิธีเช่าบ้านแทน (ปัจจุบันมีคนญี่ปุ่นต่ำกว่า 50% ที่ซื้อบ้านอยู่อาศัยเป็นของตัวเอง)

สำหรับคนที่คิดว่า การมีบ้านอยู่อาศัยเป็นของตัวเองเป็นเรื่องจำเป็น มองในมุมของพวกเขาที่ระบุว่า หากต้องมีชีวิตยืนยาวไปถึง 100 ปีโดยไม่มีบ้านอยู่จะเป็นอย่างไร ช่วงหนุ่มสาวยังมีสุขภาพแข็งแรง ยังมีแรงทำงานหาเงิน ยังมีแรงย้ายบ้าน (เช่า) ถ้ายังหนุ่มสาวย้ายบ้านกี่ครั้งก็ยังได้ แต่ถ้าอายุมากขึ้น ย้ายบ้านครั้งหนึ่งๆ ก็ลำบากเหมือนกัน

ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุไปแล้ว(ก่อนใคร) ปัญหาที่ถูกหยิบยกขึ้นมาวิตกวิจารณ์เสมอๆ ก็คือ คนชราญี่ปุ่นไม่มีบ้านอยู่ คนเฒ่าคนแก่ส่วนใหญ่ไม่มีที่พักอาศัย ซึ่งลำบากมาก และเป็นปัญหาสังคมระดับประเทศของบ้านเมืองเขา นั่นหมายความว่า ถ้าคุณอายุยืนหรือมีแนวโน้มอายุยืน คุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคิดซื้อบ้านตั้งแต่ว้ยรุ่น

การเลือกใช้ชีวิตที่มั่นคงด้วยการวางแผนลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่อายุยังน้อย ถือเป็นทางเลือกหนึ่ง วัยรุ่นเมื่อเริ่มทำงาน ต้องเตรียมแผนซื้อบ้านเป็นของตัวเองไว้ด้วย การลงทุนเรื่องบ้านหากเริ่มเมื่อสูงอายุ ปัจจัยเรื่องเวลาในการผ่อนชำระและอัตราดอกเบี้ยที่ผกผัน อาจเป็นภาระที่เกินตัวและรบกวนคุณภาพชีวิตด้านอื่น  

การซื้อบ้านเกิดจากเป้าหมายหลัก 2 ประการ คือ 1.การซื้อเพื่อลงทุน และ 2.การซื้อเพื่ออยู่อาศัย ระหว่างใช้บ้านในการอยู่อาศัย หากราคาบ้านเพิ่มชึ้น ก็อาจใช้ผลกำไรที่ได้ไปลงทุนเพิ่มพูนทรัพย์สิน หรือนำไปซื้อบ้านที่หลังใหญ่กว่า มองในแง่ใดก็ถือเป็นวิธีการลงทุนที่มีประโยชน์

สำหรับการซื้อบ้านเพื่อลงทุน ต้องใช้ความระมัดระวังสูงเพราะปัจจุบันประชากรวัยทำงานลดลง แม้ปริมาณอุปทานที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น แต่เศรษฐกิจโดยรวมยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในยุคนี้ อาจทำให้เสี่ยงเกินไปกรณีกู้ซื้อแล้วบ้านไม่ทำกำไร ต้องเผชิญค่าดอกเบี้ย หรือยิ่งไม่มีผู้ซื้อ ก็ยิ่งต้องอุ้มดอกเบี้ยหนัก

ในมิติของการลงทุนแล้ว เป้าหมายแรกของการมีบ้านแนะนำว่าไม่ใช่การซื้อเพื่อลงทุนขายต่อ แต่เป็นการซื้อเพื่อลงทุนในการอยู่อาศัย ลำดับขั้นตอนที่ถูกต้องให้ซื้อบ้านอยู่อาศัยเองก่อน จากนั้นจึงสั่งสมความรู้ความเข้าใจเมื่อมีความพร้อมจึงค่อยเบนเป้าหมายสู่การซื้อบ้านเพื่อลงทุน

กรณีซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัย ต้องวางแผนจัดการหนี้ กำหนดเวลาชำระสินเชื่อบ้านให้หมดก่อนเกษียณ ทำเช่นนี้ได้คุณจะอยู่สบายเมื่อแก่ รวมทั้งยังสามารถนำบ้านเข้าโครงการบ้านแลกเงินบำนาญได้ด้วย

สำหรับการซื้อบ้านเพื่อลงทุน หากไม่มีแผนจะพัฒนาบ้านหลังที่ซื้อ ถึงจะขายได้ราคาถูก (ขาดทุนกำไร) ก็ควรขายออกไป เพราะอย่างไรเสีย ระยะเวลาจ่ายดอกเบี้ยและออมเงินซื้อบ้านใหม่ ก็สั้นกว่าระยะเวลาจ่ายคืนเงินกู้บ้านมาก

สรุป 1.บ้านหลังแรกต้องซื้อด้วยเป้าหมายเพื่ออยู่อาศัยเอง 2.กำหนดงบประมาณการลงทุนให้เหมาะสม อย่าซื้อบ้านที่งบประมาณบานเกินตัว 3.บ้านที่ซื้อเพื่อการลงทุน ถ้าขายได้ก็ขาย อย่าโลภ อย่าเก็บไว้ไม่ขาย เพราะจะกลายเป็นภาระที่ต้องแบกไม่จบสิ้น