เสกความมั่งคั่ง ผ่านโอกาสการท่องเที่ยวไทยโต

โดย...จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์

การท่องเที่ยวเป็นพระเอกสำคัญภาคหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโต และนับวันจะมีสัดส่วนสำคัญต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ซึ่งถ้ามองในแง่การสร้างความมั่งคั่ง ก็เป็นอีกหนึ่งภาคธุรกิจที่เราไปคว้าโอกาสดี เพิ่มพูนความมั่งคั่งได้

ไม่นานมานี้ ปฐมาภรณ์ นิธิชัย ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) นำเสนองานวิจัยเรื่อง โอกาสของธุรกิจที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว โดยระบุว่า ไทยเป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก จากข้อมูลขององค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นดับเบิ้ลยูทีโอ) เมื่อปี 2559 ไทยติด 1 ใน 10 ของประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมามากที่สุด โดยอยู่ในอันดับ 9 ขยับขึ้นจากปีก่อนหน้าอยู่อันดับที่ 10 รายได้จากการท่องเที่ยวของไทย สูงอันดับ 3 ของโลก จากอันดับ 5 ในปีก่อนหน้านั้น

กลับมาดูสถิติของไทย ปีที่ผ่านมาไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.7% จากปีก่อนหน้า คิดเป็น 13% ของจีดีพี มีรายได้จากคนไทยเที่ยวไทย 9.3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.4% คิดเป็น 6% ของจีดีพี รวมทั้งหมดแล้วไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวมากกว่า 2 ล้านล้านบาท สัดส่วน 19-20% ของจีดีพีแล้ว เมื่อย้อนกลับมาดูที่หุ้นไทยที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว พบว่า เติบโตสอดคล้องกัน เช่น หุ้นบริษัท ท่าอากาศยานไทยหรือ AOT ติดอันดับสนามบินที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) สูงสุดในโลก

บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ติดอันดับมาร์เก็ตแคปสูงอันดับ 5 ของกลุ่มธุรกิจบริการการแพทย์ของโลก โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) มีมาร์เก็ตแคปอันดับ 11 ของธุรกิจบริการการแพทย์โลก บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) มาร์เก็ตแคปอันดับที่ 28 ของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและภัตตาคารของโลก เมื่อรวมหุ้นทั้งหมดที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวใน ตลท.มี 48 บริษัท คิดเป็น 16% ของมาร์เก็ตแคปของตลาด ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ มีอีก 10 บริษัท หรือ 11% ของมาร์เก็ตแคปตลาด

เมื่อพิจารณาผลประกอบการธุรกิจเชื่อมโยงการท่องเที่ยวที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 5 ปีย้อนหลัง พบว่า ผลตอบแทนจากการลงทุน กำไร และกำไรต่อส่วนผู้ถือหุ้น (อาร์โออี) ของภาคนี้สูงกว่าเมื่อเทียบค่าเฉลี่ยตลาด เช่น ปีที่ผ่านมาบริษัทจดทะเบียนในตลาดให้ผลตอบแทน 16.7% แต่ธุรกิจที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวให้ผลตอบแทนสูงถึง 28% กำไรสุทธิของตลาดโต 6% แต่ธุรกิจที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวโต 8% อาร์โออีของทั้งตลาดโต 11% แต่ธุรกิจเชื่อมโยงการท่องเที่ยวโต 14%

ไปดูตัวเลขที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินกันบ้าง เป็นอีกหนึ่งตัวเลขที่มายืนยัน ภาคการท่องเที่ยวน่าจับตามาก โดยปีนี้ ททท.ประเมินว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยจะสูงถึง 37.81 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6.8% จากปีก่อน สร้างรายได้ 2.02 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.73% จำนวนนักท่องเที่ยวไทย 157.83 ล้านคนครั้ง (1 คนอาจเที่ยวมากกว่า 1 ครั้ง/ปี) เพิ่มขึ้น 3.2% สร้างรายได้ 1.01 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.04% รวมแล้วเท่ากับปีนี้ไทยอาจคว้ารายได้ท่องเที่ยวได้มากถึง 3.03 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.12%

เหล่านี้คือตัวเลขที่ฉายภาพได้ชัดเจนว่า นี่คือแหล่งสร้างความมั่งคั่งสำคัญหนึ่งที่คนไทยไม่ควรมองข้าม ซึ่ง วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ได้ให้คำชี้แนะไว้ว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติยังมีโอกาสมาไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงมีพื้นที่อยู่มากมายให้กับคนที่เห็นโอกาสในการสร้างรายได้จากภาคการท่องเที่ยว เริ่มได้ง่ายๆ จากการค้นหาว่าตัวเองมีความสามารถด้านไหน สนใจด้านไหนเป็นพิเศษ แล้วก็หยิบยกสิ่งเหล่านั้นออกมาทำให้ดีที่สุด

ขณะที่ปัจจุบันภาครัฐกำลังส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองๆ ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ในจังหวัดไหน ขอเพียงมีความสามารถ หรือสิ่งที่สนใจก็คว้าโอกาสได้ โดยสิ่งที่ทำอาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวโดยตรง แต่เกี่ยวข้องกับการให้ประสบการณ์กับนักท่องเที่ยวก็ได้

เช่น เล่นมายากลได้ เล่นดนตรีได้ ไม่จำเป็นต้องไปรอขึ้นเวที ก็ไปคว้าโอกาสปรากฏตัวตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ แสดงความสามารถได้ หากสร้างประสบการณ์ที่ดี นักท่องเที่ยวพอใจ ก็จะมีตัวตน มีโอกาสสร้างรายได้ตามมา หรืออาจใช้วิธีโปรโมทความสามารถที่มีผ่านสังคมออนไลน์ เมื่อท้องถิ่นหรือต่างประเทศสนใจ ก็จะตามรอยมาถึงเมืองไทยได้

สำหรับใครที่อยากเกี่ยวพันกับการท่องเที่ยวโดยตรง ก็มีอาชีพบริการที่เกี่ยวข้องที่ต้องการแรงงานอยู่มากมาย และเสน่ห์ของภาคนี้ก็คือต้องการคนมาให้บริการนักท่องเที่ยวได้ตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นจึงเป็นสาขาอาชีพที่สามารถเลือกทำงานเป็นกะ ในช่วงเวลาที่ตัวเองต้องการได้ เช่น ในร้านอาหาร โรงแรม ที่พัก ก็เลือกได้ว่าจะทำช่วงกลางวันหรือกลางคืน

นอกจากกนี้แล้วคนที่จะมาคว้าโอกาสภาคนี้ได้ก็ไม่มีข้อจำกัดเรื่องอายุด้วย จะเป็นวัยเด็ก หนุ่มสาว หรือคนสูงวัย ล้วนหาโอกาสได้หมด ยิ่งถ้าสามารถใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ ช่วยตอบโจทย์นักท่องเที่ยวให้ได้รับความสะดวก ได้ข้อมูลรวดเร็ว นักท่องเที่ยวก็พร้อมจะซื้อบริการเหล่านั้น ซึ่งถ้าทำให้ดีขึ้นไปอีก โอกาสของคุณก็อาจจะไม่ได้อยู่แค่ในประเทศไทย เพราะมีสิทธิไปคว้าโอกาสในภาคท่องเที่ยวของต่างประเทศเช่นกัน

พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร ให้มุมมองผ่านเวทีเสวนา “โอกาสของธุรกิจที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว (Tourism linked sector)” ว่า กลุ่มธุรกิจที่มีโอกาสจากการท่องเที่ยว เช่น โลจิสติกส์ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับที่พัก เกี่ยวข้องกับบริการทางการแพทย์ การดูแลสุขภาพของคนวัยเกษียณ ล้วนมีโอกาสเติบโต

อย่างไรก็ดี ก็มีปัจจัยที่ต้องระวัง คือ เทคโนโลยีพัฒนาไปรวดเร็ว ทำให้การใช้สินทรัพย์บางอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งการใช้สินทรัพย์เหล่านี้ก็เป็นทั้งโอกาสและสร้างความเสี่ยงให้กับผู้ที่อยู่ในธุรกิจเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวลักษณะเดียวกันด้วย เช่น การมีคนนำห้องพักตัวเองที่ปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ มาปล่อยเช่าผ่านช่องทางแอร์บีแอนด์บีมากขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวมีทางเลือกมากขึ้น เกิดรายได้ต่อเนื่องไปถึงคนรับซักรีดผ้า หรือทำความสะอาด แต่ก็เป็นความเสี่ยงของกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่จะถูกกลุ่มนี้ฆ่าได้

ขณะที่ สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) นำเสนอในเวทีเดียวกันว่า ถ้ามองว่ากลุ่มท่องเที่ยวเติบโตได้เร็ว รายได้ของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวก็ควรจะโตได้เร็วด้วย ซึ่งนักลงทุนสามารถคว้าโอกาสสร้างความมั่งคั่งจากการเลือกลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากการเชื่อมโยงธุรกิจท่องเที่ยวได้

“หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยว ก็ครอบคลุมถึงกลุ่มให้ความบันเทิง ค้าปลีก อาหาร โรงแรม หรือแม้แต่อสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันรายหลักๆ ก็พยายามจะปรับโครงสร้างธุรกิจให้มีรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว” สุกิจ กล่าว

วิธีการเลือกก็คือ เน้นดูที่กำไร ต้องมาจากธุรกิจท่องเที่ยวชัดเจน และการลงทุนหุ้นธุรกิจที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว จะเหมาะลงทุนระยะยาวมากกว่า เพราะหุ้นกลุ่มนี้ก็มีโอกาสผันผวนสูงจากปัจจัยแวดล้อมที่กระทบการท่องเที่ยว เหมือนช่วง 10 ปีที่ผ่านมาที่การท่องเที่ยวของไทยเผชิญหลายเรื่อง แต่ละครั้งก็เป็นประเด็นใหญ่ แต่สุดท้ายแล้วการท่องเที่ยวก็จะกลับมาดีได้ นอกจากนี้หุ้นธุรกิจที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวจะจัดอยู่ในกลุ่มที่คาดหวังการเติบโตมากกว่าหวังปันผล เพราะกลุ่มนี้ไม่ได้ให้ปันผลสูง หากจะหวังปันผล อาจไปหวังได้กรณีที่ลงทุนผ่านกองทุนรวม

ฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทาลิส เป็นอีกคนที่กล่าวในเวทีเสวนาเดียวกัน โดยระบุว่า การที่ ตลท.จุดประกายให้เห็นว่าหุ้นที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวมีโอกาสเติบโตสูง ก็จะมีความเป็นไปได้ที่จะเห็น บลจ.ต่างๆ ออกกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวมาให้เลือกลงทุน หรือใครที่ต้องการลงทุนเพื่อสร้างโอกาสในธุรกิจท่องเที่ยวเอง ก็ทำได้ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนสูงมาก เพียงแค่รู้จักสร้างเรื่องราวให้กับผลิตภัณฑ์ แล้วทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปได้สะดวก

อย่างไรก็ดี หากต้องการสร้างโอกาสมั่งคั่งจากการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน อีกสิ่งที่ต้องทำคือ การกระจายตลาดนักท่องเที่ยว กระจายจุดหมายท่องเที่ยวที่เข้าไปเจาะ เพราะหากเกิดเหตุกระทบตลาดใดตลาดหนึ่งจะได้ยืนหยัดได้อย่างยั่งยืน

ท้ายนี้ ฉัตรพี ฝากคำแนะนำไปถึงภาครัฐซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้คนไทยสามารถสร้างความมั่งคั่งจากธุรกิจท่องเที่ยวได้อย่างยั่งยืนว่า ปัจจุบันไทยยังทำเรื่องการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวน้อยมากเมื่อเทียบประเทศอื่นๆ ที่บริหารจัดการได้ดี จึงเชื่อว่าไทยจะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้มากกว่านี้อีก หากภาครัฐเพิ่มเรื่องนี้เข้าไป จากปัจจุบันที่เอกชนคือผู้ขับเคลื่อนหลัก โดยการบริหารจัดการที่ไทยต้องเพิ่มคือ การทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกปลอดภัยเมื่อมาเที่ยว เดินทางได้สะดวก และสินค้า บริการท่องเที่ยวมีมาตรฐานได้ตามที่นักท่องเที่ยวคาดหวัง

“เราต้องสร้างมาตรฐานให้ชัด สร้างเรื่องราวให้แต่ละสถานที่ท่องเที่ยว เช่น วัด บ้านเรามีวัดเยอะ แต่ละวัดมีจุดเด่นไม่เหมือนกัน แต่ไม่มีเรื่องราวให้ศึกษา แค่ทำให้แต่ละวัดมีเรื่องราวน่าศึกษา ก็น่าเดินทางไปแล้ว ยิ่งมีการบริหารจัดการที่ดี ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปได้สะดวก ทำให้ได้มาตรฐาน ก็จะเติบโตได้อีกมาก โดยสิ่งที่ทำให้เข้าถึงได้สะดวก เช่น ระบบโทรคมนาคม รถไฟ รถไฟฟ้า สนามบิน ไม่ใช่แค่ได้ประโยชน์กับท่องเที่ยว ธุรกิจอื่นก็ได้ประโยชน์ร่วมด้วย” ฉัตรพี กล่าว

จะเห็นได้ว่าวิธีคว้าโอกาสสร้างความมั่งคั่งจากการท่องเที่ยวไทยที่โตมีอยู่มากมาย อยู่ที่เราแล้วว่าเส้นทางใดนั้นใช่ในแบบของเรา