posttoday

เที่ยวไป ลดภาษีไป

23 พฤศจิกายน 2560

โดย...กิติชัย เตชะงามเลิศ นักลงทุนหุ้นและอสังหาริมทรัพย์

โดย...กิติชัย เตชะงามเลิศ นักลงทุนหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ www.facebook.com/VI.Kitichai

เมื่อประมาณ 3-4 เดือนที่แล้วได้มีข่าวออกมาเกี่ยวกับเรื่องการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ที่เสียภาษี สามารถนำค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในเมืองที่กำหนดไว้ในไทยมาลดหย่อนภาษีได้ โดยแบ่งเป็นโซน 1, 2 และ 3 แต่ละโซนสามารถนำมาหักลดหย่อนได้แตกต่างกัน โดยที่โซน 1 สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ 1.5 หมื่นบาท ส่วนโซน 2 หักลดหย่อนได้ 3 หมื่นบาท และโซน 3 หักลดหย่อนได้ 5 หมื่นบาท แล้วในที่สุดก็เงียบไป

ล่าสุด กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อยู่ระหว่างการประชุมหารือร่วมกับกระทรวงการคลังถึงมาตรการหักลดหย่อนภาษีด้านการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศตลอดปีหน้า เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ประมาณ 160 ล้านคน/ครั้ง และสร้างรายได้ 1 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ แนวทางการส่งเสริมจะเน้นลดหย่อนภาษีด้านการท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเฉพาะเมืองรองเท่านั้น โดยเตรียมเสนอ 2 แนวทาง ได้แก่ การใช้มาตรการลดหย่อนภาษีการท่องเที่ยวเมืองรองตลอดปี 2561 ให้ลดหย่อนเบื้องต้น 3 หมื่นบาท/คน และการลดหย่อนช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (Green season) ซึ่งมีระยะสั้น 3 เดือน จำนวน 5 หมื่นบาท ให้กับกระทรวงการคลังพิจารณา คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 เดือนนี้ เพื่อเริ่มใช้มาตรการดังกล่าวภายในไตรมาสแรกปีหน้า

ปัญหาคือนิยามของคำว่าเมืองรองหมายถึงเมืองไหน จังหวัดไหน คณะกรรมการที่หารือกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ ควรนำรายได้ครัวเรือนของจังหวัดต่างๆ ในไทยมาคำนึงถึงในการกำหนดเมืองรอง โดยนำจังหวัดที่มีรายได้ครัวเรือนต่ำที่สุด 25 อันดับแรกมากำหนดไว้ให้เป็นเมืองรอง (ปกติสำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จะมีการทำสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนอยู่ทุกปี)

จากบทความก่อนที่ผมเขียนถึงความเหลื่อมล้ำของรายได้ของคนในประเทศ มีเศรษฐี 43,463 คน หรือคิดเป็น 0.064% ของจำนวนประชากรไทยทั้งหมด ซึ่งมีเงินฝากรวมกันแล้วทั้งหมด = 5,483,050 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42.95% ของจำนวนเงินฝากทั้งหมด ในขณะที่เรามีชนชั้นรากหญ้า 77.96% ซึ่งมีเงินฝากรวมกันแล้วทั้งหมด = 2,821,359 ล้านบาท หรือคิดเป็น 22.10% ของจำนวนเงินฝากทั้งหมด ที่เหลือเป็นชนชั้นกลาง ซึ่งมีจำนวน 1,389,250 คน หรือคิดเป็น 2.04% ของจำนวนประชากรไทยทั้งหมด มีเงินฝากรวมกันทั้งหมด = 4,462,894 ล้านบาท หรือคิดเป็น 34.95% ของจำนวนเงินฝากทั้งหมด

การกำหนดเมืองรองให้ถูกต้องก็จะเป็นการช่วยลดปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำรายได้ของคนในประเทศอีกทางหนึ่ง ถึงแม้อาจจะไม่มากนัก แต่ถ้ามีมาตรการอื่นๆ มาช่วยกันสนับสนุนปัญหาเหล่านี้ก็จะลดน้อยลง ทาง ททท.ต้องค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดรองเหล่านั้นที่ไม่มีใครเห็นว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติหรือทางวัฒนธรรม แล้วโปรโมทสถานที่เหล่านั้นผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายทั้งในคนไทยและต่างชาติ

มาตรการเหล่านี้ควรจะรีบประกาศให้ธุรกิจต่างๆ ในจังหวัดรองเหล่านั้นได้รีบเตรียมตัว เพื่อที่จะได้เตรียมรับมือกับปริมาณนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้น รวมทั้งธุรกิจที่คิดจะเข้าสู่ระบบภาษีเพื่อหวังที่จะมีรายได้เพิ่มจากนักท่องเที่ยว จะได้มีเวลาในการเตรียมตัวและจดทะเบียนเข้าสู่ระบบภาษีดังกล่าวได้ทันท่วงที ช่วงแรกอาจจะมีธุรกิจที่จะจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไม่มากนัก

แต่ถ้านักท่องเที่ยวมาซื้อสินค้าและบริการจากธุรกิจเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนร้านค้าหรือธุรกิจอื่นๆ ที่เป็นคู่แข่งของธุรกิจที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มคงหันมาจดทะเบียนตามไปด้วย เพื่อที่จะได้แย่งชิงลูกค้าให้มาซื้อสินค้าและบริการของตนบ้าง ก็จะกลายเป็นผลพลอยได้ให้กับกรมสรรพากร ที่สามารถชักจูงให้ธุรกิจต่างๆ เข้ามาจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างถูกต้อง มีการหลบเลี่ยงภาษีน้อยลง ทำให้สามารถเก็บภาษีได้มากขึ้น

ผมยังเห็นว่ามาตรการนี้ควรเป็นมาตรการที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถนำค่าใช้จ่ายดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นวันใดๆ ก็ตามในรอบปีภาษีนั้นๆ มาลดหย่อนภาษีได้ เพื่อจะได้เป็นการกระจายรายได้เฉลี่ยทั้งปีของเมืองท่องเที่ยวนั้นๆ ไม่ใช่ไปกระจุกกันเพียงแค่ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของปี หรืออาจจะให้ลดหย่อนได้มากขึ้นในช่วงนอกฤดูกาล เช่น ถ้าไปเที่ยวตอนช่วงฤดูฝน ก็สามารถลดหย่อนได้ 5 หมื่นบาท ถ้าเป็นช่วงฤดูอื่นก็จะลดหย่อนได้เพียง 3 หมื่นบาท เป็นต้น และถ้าเป็นไปได้อยากให้ประกาศว่ามาตรการดังกล่าวจะมีต่อเนื่องไป 5 ปี ก็ยิ่งจะกระตุ้นให้ธุรกิจตัดสินใจที่จะจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้เร็วขึ้น

เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกตั้งหลายตัว คือทางรัฐเองก็สามารถจัดเก็บภาษีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น จากการที่ธุรกิจต่างๆ ไม่เคยจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้เล็งเห็นประโยชน์จากมาตรการนี้เลยเข้าไปจดทะเบียนดังกล่าว เมื่อร้านค้าเหล่านี้มีรายได้มากขึ้น รัฐก็เก็บภาษีได้มากเช่นกัน เอกชนไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเล็กหรือธุรกิจใหญ่ หรือกระทั่งแม่ค้าหาบเร่ จะพลอยได้รับอานิสงส์จากมาตรการของรัฐอันนี้ไปด้วย

สำหรับผู้เสียภาษีจะได้จ่ายภาษีน้อยลง ทำให้เศรษฐกิจในจังหวัดรองดีขึ้นและเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมดีตามไปด้วย เพราะว่าสินค้าและหรือบริการบางอย่างก็ผลิตมาจากจังหวัดอื่น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามาตรการของรัฐคราวนี้จะมองเป็นระบบบูรณาการ เพื่อแก้ไขปัญหาของชาติทั้งระบบ อย่าให้เหมือนกับที่แล้วมาอีกเลย