posttoday

ลดคุ้มครองเงินฝาก

05 พฤศจิกายน 2560

สคฝ.เผยประชาชนเชื่อมั่นระบบสถาบันการเงิน แม้ลดคุ้มครองเงินฝากก็ไม่แยกบัญชี หรือแห่ถอนเงินฝาก

สคฝ.เผยประชาชนเชื่อมั่นระบบสถาบันการเงิน แม้ลดคุ้มครองเงินฝากก็ไม่แยกบัญชี หรือแห่ถอนเงินฝาก

นายสาทร โตโพธิ์ไทย ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) เปิดเผยว่า กฎหมายคุ้มครองเงินฝากจะเริ่มลดวงเงินการคุ้มครองเงินฝากอีกครั้งในวันที่ 11 ส.ค. 2561 ให้เหลือ 10 ล้านบาท จากปัจจุบันไม่เกิน 15 ล้านบาท และหลังวันที่ 11 ส.ค. 2563 เป็นต้นไป สคฝ.จะคุ้มครองเงินฝากเหลือบัญชีละ 1 ล้านบาทต่อสถาบันการเงิน ซึ่งถือได้ว่าครอบคลุมผู้ฝากเงินรายย่อยที่มีสัดส่วนมากถึง 98% ของจำนวนบัญชีเงินฝากทั้งระบบ

ทั้งนี้ จากการเปลี่ยนแปลงด้านฐานะการเงินของสถาบันการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนผู้ฝากเงินมีความมั่นใจมากขึ้น เข้าใจระบบสถาบันการเงิน และหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองเงินฝากมากขึ้น ส่งผลให้ไม่มีการโยกเงินฝากในระบบ ไม่มีการตื่นตระหนก โดยปริมาณและจำนวนบัญชีเงินฝากในระบบสถาบันการเงินยังเพิ่มขึ้น

"สคฝ.จะทำการสำรวจข้อมูลและปัญหาต่างๆ อีกครั้งในปีหน้า และตั้งแต่ใช้กฎหมายคุ้มครองเงินฝากมา ก็ยังไม่เห็นการโยกบัญชีเงินฝากมาให้เหลือเท่าวงเงินที่คุ้มครอง แสดงว่าประชาชนมีความเข้าใจและเชื่อมั่นในธนาคารพาณิชย์มากยิ่งขึ้น" นายสาทร กล่าว

ขณะที่ร่าง พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (ฉบับที่...) พ.ศ.... ได้ผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในวาระ 2 และ 3 ไปแล้ว จากนี้ต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อรอลงพระปรมาภิไธย และประกาศในราชกิจจา นุเบกษาเพื่อบังคับใช้ต่อไป ซึ่งหัวใจสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ คือ หากเกิดปัญหากับสถาบันการเงินประชาชนไม่ต้องมายื่นคำร้องก็สามารถได้รับเงินคืนภายใน 30 วัน หลังสถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาตจากกระบวนการในกฎหมายเดิมต้องใช้เวลานานถึง 160 วัน

นายสาทร กล่าวว่า ขณะนี้ยังได้เตรียมออกประกาศคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก หรือกฎหมายลูก อีกอย่างน้อย 5 ฉบับในวันที่ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝากมีผลบังคับใช้ โดยครอบคลุม 5 เรื่องหลัก ประกอบด้วย เงื่อนไขหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจ่ายคืนเงินผู้ฝาก เงื่อนไขหลักเกณฑ์การกู้ยืมเงินของ สคฝ. เงื่อนไขหลักเกณฑ์การให้ประชาชนยื่นข้อโต้แย้ง กรณีได้รับเงินแต่ไม่ถูกต้อง หรือกรณีไม่ได้รับเงิน ซึ่งการแก้ไขกฎหมายฉบับดังกล่าวเป็นไปตามหลักสากล

ปัจจุบันเงินนำส่งสมทบเข้ากองทุนคุ้มครองเงินฝากที่ได้จากสถาบันการเงิน มียอดรวมกว่า 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งในอนาคตจะสะสมมากขึ้นพอที่จะรองรับการจ่ายผู้ฝากเงินหากเกิดวิกฤตธนาคารล้มได้ โดยหลังวันที่ 11 ส.ค. 2563 เป็นต้นไป สคฝ.จะคุ้มครองเงินฝากเหลือ บัญชีละ 1 ล้านบาทต่อสถาบันการเงิน ซึ่งถือได้ว่าครอบคลุมผู้ฝากเงินรายย่อยที่มีสัดส่วนมากถึง 98% ของจำนวนบัญชีเงินฝากทั้งระบบ

ด้าน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานข้อมูลเงินรับฝากแยกตามขนาดและอายุของเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ ล่าสุดในสิ้นเดือน ส.ค. 2560 พบว่า ปริมาณเงินฝากรวมทั้งระบบอยู่ที่ 92.54 ล้านบัญชี มีปริมาณเงินรวม 12.77 ล้านล้านบาท เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้น 3.92 ล้านบัญชี และ 4.92 แสนล้านบาท โดยจำนวนบัญชีเงินฝากที่มีขนาดเงินฝากที่เกิน 15 ล้านบาท/บัญชี ซึ่งกฎหมายไม่คุ้มครองผู้ฝากนั้นยังเพิ่มขึ้นทั้งในจำนวนบัญชีและปริมาณเงินฝาก ไม่พบการแยกบัญชีเพื่อให้เท่ากับการคุ้มครองเงินฝาก

ทั้งนี้ ขนาดบัญชีเงินฝากที่เกินกว่า 25 ล้านบาท/บัญชี ไปจนถึง 500 ล้านบาท/บัญชี ขึ้นไปนั้น ทั้งระบบมีประมาณ 4.35 หมื่นบัญชี มีปริมาณเงินฝากรวม 5.48 ล้านล้านบาท

อย่างไรก็ดี จากข้อมูลของ ธปท. พบว่า บัญชีประเภทเงินฝากประจำไม่เกิน 3 เดือน 3-6 เดือน ประจำ 6 เดือน-1 ปี ประจำ 1-2 ปี และประจำ 2 ปีขึ้นไป มีจำนวนบัญชีและปริมาณการฝากเงินลดลงต่อเนื่อง