ทองคำ เฟด เงินเฟ้อ

โดย...นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานบริษัท เอ็มทีเอสโกลด์ แม่ทองสุก

ทิศทางทองคำยังคงมีความผันผวนและแกว่งตัวขึ้นลงอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้เป็นผลมาจากตัวแปรต่างๆ หรืออาจเรียกได้ว่าแกว่งตัวตามข่าวที่เข้ามากระทบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่ตลาดเริ่มกลับมาให้ความสำคัญ คือ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ และทิศทางการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากที่รายงานการประชุมเฟดล่าสุดยังคงมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันในเรื่องของทิศทางเงินเฟ้อ ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงคาดหวังให้การอ่อนตัวที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เป็นเพียงการอ่อนตัวเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น และไม่น่าจะกระทบต่อการดำเนินนโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ของปีนี้ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือน ธ.ค.นี้

ขณะที่การประชุมวาระถัดไปของเฟดจะเกิดขึ้นในวันที่ 30 ต.ค.-1 พ.ย. ซึ่งถูกคาดว่าเฟดน่าจะประกาศลดยอดงบดุลในพอร์ตจำนวน 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างค่อยเป็นค่อยไป

อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจในเดือน ส.ค. และ ก.ย. ที่ผ่านมายังคงมีความผสมผสานกันไป โดยส่วนใหญ่อยู่ในทิศทางที่อ่อนตัวลง เพราะได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนฮาร์วี่ย์และเออร์มาในช่วงปลายเดือน ส.ค. จนถึงช่วงต้นสัปดาห์ของ ก.ย. ขณะที่ข้อมูลเงินเฟ้อในปัจจุบันของสหรัฐยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 2% โดยข้อมูลในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้อมูลมาตรวัดเงินเฟ้อถูกคาดการณ์ว่าจะออกมาดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือน ก.ย. ที่คาดว่าจะออกมาสูงขึ้นจากระดับ 0.2% สู่ระดับ 0.4% (ตามภาพประกอบด้านล่างอ้างอิงจากบลูมเบิร์ก)

ขณะที่ข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่จะประกาศในคืนวันศุกร์ ก็ถูกคาดการณ์ว่าจะสูงขึ้นเช่นกันจากระดับ 0.4% สู่ระดับ 0.6% (ตามภาพประกอบด้านล่างอ้างอิงจากบลูมเบิร์ก) ท่ามกลางเจ้าหน้าที่เฟดบางส่วนที่ยังเชื่อมั่นว่าการอ่อนตัวของเงินเฟ้อไม่น่าจะส่งผลกระทบใดๆ ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และเฟดน่าจะยังมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ต่อ ทำให้ภาพรวมตลาดในขณะนี้ ซึ่งเครื่องมือ FedWatch ของ CME Group แสดงให้เห็นว่ามีโอกาสมากขึ้นถึง 88% ที่เฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อได้

สรุปได้ว่า หากข้อมูลเงินเฟ้อมีการปรับตัวสูงขึ้นได้และมีอัตราการขยายตัวใกล้เป้าหมายเงินเฟ้อ ก็มีโอกาสที่เฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ เนื่องจากทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และเมื่อนั้นจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นต่อได้ ซึ่งทั้งหมดอาจเป็นปัจจัยกดดันทิศทางทองคำได้ต่อในช่วงปลายปีนี้

วิเคราะห์ทางเทคนิค

ภาพรวมทางเทคนิคของทองคำในระยะสั้นดูจะยังเคลื่อนไหวในกรอบ หลังจากที่สามารถปรับตัวขึ้นมาเพื่อทดสอบบริเวณแนวต้านสำคัญ 1,300 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับสำคัญทางจิตวิทยา หากทองคำไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ ภาพระยะสั้นของทองคำน่าจะยังมีโอกาสปรับตัวลงมาต่อ ณ ขณะนี้ จึงแนะนำกลยุทธ์การลงทุนเป็นลักษณะ Wait & See รอความชัดเจนของทิศทาง โดยคาดว่าจะมีแนวรับที่ระดับ 1,280 ดอลลาร์ และมีแนวต้าน 1,300 ดอลลาร์ และแนวต้านสำคัญถัดไปบริเวณ 1,310 ดอลลาร์

ขณะที่ทิศทางของ Gold-D จะมีการเคลื่อนไหวทิศทางเดียวกันกับทองคำตลาดโลก โดยคาดว่าจะมีแนวรับที่ระดับ 1,284 ดอลลาร์ ขณะที่แนวต้านจะอยู่ที่ระดับ 1,300 ดอลลาร์ และแนวต้านสำคัญถัดไป 1,315 ดอลลาร์

เนื่องจากในสัปดาห์นี้เข้าสู่สัปดาห์แห่งการไว้อาลัย ทางกลุ่มบริษัทในเครือ เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่พ่อหลวงแห่งแผ่นดินทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย ปวงข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายความอาลัย พระมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย เสด็จสู่สวรรคาลัย ทั้งนี้ ทางกลุ่มบริษัทในเครือ เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก ยังคงเปิดให้บริการซื้อขายและพร้อมให้คำแนะนำด้านการลงทุนตามปกติ สามารถติดต่อได้ที่ MTS Gold Call Center 02-770-7777