posttoday

3 ธีมลงทุนหุ้นไตรมาส 4

25 กันยายน 2560

โดย...บล.กสิกรไทย

โดย...บล.กสิกรไทย

ใกล้ปิดงวดไตรมาส 3 เต็มที ส่วนทิศทางการลงทุนในไตรมาส 4 ในการเลือกลงทุนจะเป็นอย่างไร บล.กสิกรไทย ได้ออกบทวิเคราะห์เพื่อเป็นแนวทางในการลงทุนให้กับนักลงทุน บนสมมติฐานที่มองว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น นโยบายการเงินที่ยังคงผ่อนคลายจะสนับสนุนหุ้นไทยในไตรมาส 4 ต่อเนื่องไปถึงปี 2561

ถึงแม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี จะเป็นขาขึ้น ตามหลักจะกดดันการลงทุน แต่ด้วยอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ดีขึ้น ก็จะทำให้ความเสี่ยงลดลง และดัชนีหุ้นจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก ซึ่งฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย ได้เพิ่มเป้าดัชนีปีนี้เป็น 1,640 จุด สิ้นปีนี้และที่ระดับ 1,700 จุด ช่วงกลางปี 2561 และ 1,760 จุด สิ้นปี 2561

ขณะที่การธนาคารกลางสหรัฐ จะค่อยๆ ดำเนินมาตรการเข้มงวด จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐค่อยฟื้นตัวขึ้น ซึ่งอาจจะกดดันต่อการลงทุนในตลาดเกิดขึ้น แต่ในส่วนของหุ้นไทยนั้นไม่เชื่อว่าจะทำให้เม็ดเงินทุนต่างชาติไหลออก เพราะสัดส่วนการถือครองหุ้นของต่างชาติในตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับต่ำ และการที่ตลาดหุ้นไทยยัง Underperform จึงเชื่อว่าต่างชาติยังคงลงทุน

สำหรับการลงทุนในหุ้นช่วงไตรมาส 4 นั้น ฝ่ายวิจัยแนะนำไว้ 3 ธีม คือ ธีมที่ 1 การลงทุนเพื่อรับการฟื้นตัวอย่างทั่วถึงของเศรษฐกิจ จะหนุนให้หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งก่อนหน้าตามหลังตลาดและมีค่าพี/อีที่ต่ำสุดในรอบ 6 ปี หุ้นที่แนะนำ คือ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ธนาคารกรุงไทย (KTB)

“เราให้น้ำหนักหุ้นธนาคารพาณิชย์มากกว่าตลาด เพราะเชื่อว่าระดับปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) จะถึงจุดสูงสุดปีนี้ และแม้ว่าการลดลงจะไม่รวดเร็ว แต่อัตราการตั้งสำรองจะลดลง และผลดำเนินงานกลุ่มแบงก์จะดีขึ้นในปีหน้า” 

ส่วนในของภาคธุรกิจนั้น แนะนำ โฮมโปร (HMPRO) และซีพี ออลล์ (CPALL) จะได้ดีจากการบริโภคภายในประเทศที่พื้นตัว และการที่ 2 หุ้นนี้อยู่ในกลุ่มพาณิชย์ที่เราได้ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนเป็นมากกว่าตลาด จากเดิมเท่าตลาด และมองว่า CPALL จะมีอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) พลิกกลับมาเป็นบวก จะทำให้กำไรสุทธิครึ่งปีหลังจะเติบโตขึ้น 13.4% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แนะนำซื้อให้ราคาเป้าหมายที่ 72 บาท

ขณะที่ HMPRO คาดว่าอัตรากำไรที่ดีขึ้นจะหนุนการเติบโต คาดว่ารายได้ของจะเติบโตขึ้น 7.8% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และปีนี้กำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,400 ล้านบาท 

ธีมที่ 2 คือ หุ้นปันผลที่มีสัดส่วน 40% ต่อประมาณการผลตอบแทนทั้งหมดจากตลาดหุ้นไทยในกรอบ 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งคาดว่าจะปันผลระดับดี คือ ปตท.(PTT) โดยคาดว่าปีนี้ ปตท.จะทำกำไรสุทธิสูงสุดใหม่ ขณะที่ตลาดคาดกันว่ากำไร ปตท.จะอยู่ที่ 1.1 แสนล้านบาท และอาจเห็นการปรับประมาณการกำไรสุทธิของ ปตท.ขึ้นได้อีก รวมถึงการจะนำหุ้น PTTOR เข้าซื้อขายในตลาด ก็จะเป็นการเพิ่มมูลค่าหุ้นระยะยาวของ ปตท.และคงราคาเป้าหมายระยะกลางไว้ที่ 446 บาท และพฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) และ

ธีมที่ 3 คือ หุ้นที่ Laggard ที่ได้รับความนิยมเมื่อช่วงใกล้สิ้นปี โดยชอบหุ้น เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE) แม้ว่าได้รับผลกระทบจากค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นและราคาทองแดงที่สูงสุดในปี 2560 แต่มองว่าไตรมาส 2 น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และผลงานในปี 2561-2562 จะฟื้นตัวอย่างมีนัย คาดว่ากำไรจะโต 24% และ 28% จากที่หดตัว 6% เหลือ 2,800 ล้านบาท ในปีนี้ แนะนำซื้อ ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) ด้วย จากการที่การลงทุนภาครัฐฟื้นชัดเจน และจะทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นในปี 2561 และจะเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากงบประมาณการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรอบใหม่ให้ราคาเป้าหมายที่ 30.1 บาท

สำหรับหุ้นกลุ่มที่ได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนต่ำกว่าตลาด คือ กลุ่มไอซีที ปิโตรเคมี ขนส่ง และสาธารณูปโภค