posttoday

โลกยุคนี้ก็มีข้อดี ของการเป็นลูกจ้าง

19 กันยายน 2560

โดย...ภาววิทย์ กลิ่นประทุม ที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง

โดย...ภาววิทย์ กลิ่นประทุม ที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง

ผมเองเป็นคนหนึ่ง ที่ตั้งแต่เด็กไม่เคยคิดจะเป็นลูกจ้างเลย ...อยากมีธุรกิจส่วนตัว

ผมเริ่มทำธุรกิจตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัย ขายของให้เพื่อนนั่นแหละ ...555 (ฝึกฝีมือ ใครไม่ซื้อ เราตัดสินเลย เพื่อนคนนี้ใช้ไม่ได้ สมัยนั้น มองแต่ตัวเอง คิดเอง เออเองตลอด)

จนผมได้ไปเรียนต่อออสเตรเลียก็มีแนวคิดจะเปิดร้านอาหาร ก็ทำมันจนได้ “ขายดีขยายสาขาไปถึง 5 สาขา จนเจ๊ง ...เข้าใจคำพูดที่ว่า ขายดีจนเจ๊งมันเป็นยังไง

สุดท้ายก็กลับเมืองไทยมาตั้งหลักใหม่ คราวนี้เข็ดขยาดดิ ธุรกิจทำจนเจ๊งก็กลับมาทดลองเป็นลูกจ้างดูบ้าง ...โอโหแรกๆ นะ โคตรไม่ชอบ

คิด อะไรก็ไม่ได้ ผู้ใหญ่เขามองเราเด็ก ไม่สนใจ ความคิดเรา ...จนต้องไปเขียนบล็อก เขียนหนังสือ พอขายดีเป็นเบสเซลเลอร์ นั่นแหละ ที่ชีวิตเริ่มเปลี่ยน ทั้งคนรอบข้าง ทั้งผู้ใหญ่ก็สนใจฟังสิ่งที่เราเสนอมากขึ้น

สิ่งที่ผมพบเลยคือ ผมพบว่า “ยุคนี้ลูกจ้างก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้พร้อมกัน (ผมทำอยู่) แน่นอนเราต้องสร้างสมดุลให้ดี ไม่งั้นอาจซวย 2 ทาง” ...เอาว่าสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการเป็นลูกจ้าง มันไม่แย่อย่างที่คิด ...ผมได้เรียนรู้อะไรมากมาย ดังนี้

1.การเป็นลูกจ้างมันทำให้เรารู้จักอุตสาหกรรมที่เราสนใจแบบของจริง ได้รู้จริงๆ แบบไม่มโน ว่าลูกค้าเขาซื้ออะไร จ่ายเงินให้อะไร ...ตรงนี้ผมเห็นสตาร์ทอัพพลาดค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะน้องๆ ที่เรียนจบปั๊บ ไม่มีประสบการณ์ทำงานจริงก็รวมกันมาทำธุรกิจ แล้วคิดจะทำลาย เปลี่ยนอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่ที่พลาด เพราะไม่เคยรู้ลึกๆ ว่า จริงๆ แล้วลูกค้าต้องการอะไร

- ดังนั้น อย่างแรกเลย ก่อนจะเริ่มอะไร ต้องลองเข้าไปคลุกคลีกับตลาดจริงๆ จนเรารู้กลไกของโลกจริงๆ ก่อน จุดนี้บอกเลยโคตรสำคัญ

(จริงๆ ถ้าจะลองไม่ต้องรอเรียนจบก็เริ่มได้ ใช้เงินให้น้อย แล้วสร้างสินค้าและบริการจริง ลองขายจริง จะได้รู้ว่าความคิดเรามันใช้ได้จริงไหม)

2.การเป็นลูกจ้างมันทำให้เรารู้เบื้องต้นว่า ไม่อดตาย เพราะมีเงินเดือน (ถึงมันไม่ได้มั่นคง แต่มันก็สำคัญ โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้เกิดมาบ้านรวย มันต้องท้องอิ่ม ก่อนจะคิดเปลี่ยนโลก) ถ้าใครมีหุ้นส่วนก็ควรมีใครสักคนที่ทำงานประจำบ้าง มันทำให้เราอยู่กับความจริงมากขึ้น

3.การเป็นลูกจ้างมันฝึกให้เราคิดเป็นระบบ สมัยเรียนเราฝึกแต่ท่องจำ พอทำงานนี่แหละ ที่เขากระตุ้นให้เราคิดสิ่งใหม่ๆ (พี่เข้าใจ เรียนมาทั้งชีวิต พอทำงาน หัวหน้าดันบอกให้เราคิดนอกกรอบ ขอเวลากรูปรับตัวหน่อย 555)

4.การเป็นลูกจ้างมันเป็นการสร้างสายสัมพันธ์ ขนาดจะทำธุรกิจขายตรง ถ้าเริ่มตอนเด็กมันจะยาก เพราะเพื่อนเราก็พวกไม่มีเงิน ไม่มี สายสัมพันธ์เหมือนๆ เราทั้งนั้นแหละ ส่วนใหญ่สายสัมพันธ์ดีๆ มันเริ่มเมื่อเราทำงาน ...ต้องรู้จักอ่านคน ดูว่าใครมีอนาคต พวกนี้แหละคบได้

5.การเป็นลูกจ้างมันเตรียมความรู้ของเราให้ทันสมัย ยิ่งโลกยุคนี้ ที่ทุกองค์กรเจอความเปลี่ยนแปลง เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของจริง ...ถ้าให้แนะนำลองอาสาทำในงานใหม่ๆ หน่วนงานใหม่ๆ โจทย์ยากๆ ...ไม่ต้องสนเงินเดือน ไม่ต้องสนว่าเราต้องเลือกงานที่เราทำสำเร็จ เพราะเราไม่ได้จะอยู่ตรงนี้ตลอดไป ...เราแค่มาหาความรู้ใหม่ๆ ประสบการณ์จริงๆ สิ่งนี้แหละสำคัญกว่าเงินเดือน สำคัญกว่าตำแหน่ง

6.การเป็นลูกจ้างสอนให้เราถ่อมตัว การรู้จักถ่อมตัวนี่แหละ ที่เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราก้าวหน้า ทั้งที่ทำงานและทั้งธุรกิจส่วนตัว

7.การเป็นลูกจ้างจะสอนการจัดสรรเวลา ...แค่งานประจำ เราก็แทบไม่มีเวลาทำอะไรแล้ว อันนี้จริง ยิ่งยุคนี้ยิ่งจริง แต่นี่คือบททดสอบที่ผ่านแล้วรวย คุณต้องแบ่งเวลาไปพัฒนาตัวเอง เพราะคนที่สำเร็จทุกคน เขาคือผู้เชี่ยวชาญในการจัดสรรเวลา

นับข้อดีได้ 7 ข้อแล้ว ก็อยากให้เปิดใจ เรียนรู้ ปรับตัว

ไม่ผิดหรอกที่วันนี้เราอาจจะยังไม่สำเร็จ เพราะทางเดินของแต่ละคน มันไม่เหมือนกัน ...แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าเราตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน แล้วหมั่นพัฒนาความรู้ ณ จุดที่เรายืน สุดท้ายโอกาสของเราจะมาถึง

“อย่าหยุดเรียนรู้และพัฒนาความเชี่ยวชาญของตัวเอง ยิ่งเชี่ยวชาญ โอกาสยิ่งเปิด โอกาสยิ่งวิ่งเข้ามา”