posttoday

ทองรอข้อมูลเศรษฐกิจเฟดและทรัมป์

03 กรกฎาคม 2560

โดย...นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานบริษัท เอ็มทีเอสโกลด์ แม่ทองสุก

โดย...นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานบริษัท เอ็มทีเอสโกลด์ แม่ทองสุก

ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,240-1,260 ดอลลาร์สหรัฐ โดยในช่วงต้นสัปดาห์จะเห็นได้ว่าทองคำขึ้นไปทำสถิติสูงสุด แถวระดับ 1,258 ดอลลาร์โดยประมาณได้ ก่อนที่ช่วงบ่ายวันจันทร์ราคาจะถูกทุบลงมาจากแถวระดับ 1,253 ดอลลาร์ และทำจุดต่ำสุดโดยประมาณ 1,236 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 7 สัปดาห์ หรือเรียกได้ว่าราคาทองคำในช่วงเวลาเพียงเสี้ยวนาทีร่วงลงมากว่า 17 ดอลลาร์โดยประมาณ

ตลาดและเหล่านักวิเคราะห์ต่างระบุว่า เป็นผลมาจากการส่งคำสั่งที่ผิดพลาดหรือที่เรียกกันว่า “Fat Finger” โดยพบว่าในช่วงเวลาดังกล่าวเกิดการเทขายสัญญาทองคำมากถึง 1.85 ล้านออนซ์ในตลาด โคเมกซ์ ประกอบกับเมื่อราคาทองคำปรับตัวลดลงหลุดระดับสำคัญทางเทคนิคบริเวณ 1,255 ดอลลาร์ ก็เกิดแรงเทขายตามมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้นักลงทุนเลือกที่จะชะลอการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย และหนุนให้มีการเข้าถือครองสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น

เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจต่อการเคลื่อนไหวของตลาด อย่างไรก็ดี ภาพรวมของค่าเงินดอลลาร์จะเห็นได้ว่าปรับอ่อนค่าลงมาอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ จากแถวระดับ 98 จุด โดยสัปดาห์นี้ดอลลาร์อ่อนค่ามากสุดบริเวณ 95.5 จุดโดยประมาณ เพราะได้รับแรงกดดันจากบรรดาธนาคารกลางต่างๆ ที่เริ่มส่งสัญญาณคุมเข้มทางการเงินคล้ายธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) และธนาคารกลางจีน (พีบีโอซี) ซึ่งการส่งสัญญาณของประธานอีซีบีได้หนุนให้ค่าเงินยูโรพุ่งทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยค่าเงินยูโรปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 14 เดือน ที่ระดับ 1.1458 ดอลลาร์/ยูโร จากแถวระดับ 1.128 ดอลลาร์/ยูโร

เนื่องจากการจะเริ่มปรับลดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหรือคิวอี ของอีซีบี เป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจของยูโรโซนอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ขณะที่บีโออีและบีโอซีก็มีแนวโน้มจะเริ่มปรับนโยบายโดยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมช่วงต้นเดือน ก.ค.นี้ แต่การส่งสัญญาณพร้อมกันในการจะคุมเข้มนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางต่างๆ นั้น ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มเกิดกระแสความไม่มั่นใจขึ้นมาว่า เฟดจะสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีกครั้งในปีนี้หรือไม่

สำหรับภาพรวมตลาดทองคำ คาดว่าจะยังเคลื่อนไหวในทิศทางแกว่งตัวต่อไป จนกว่าจะทราบข่าวหรือความแน่ชัดที่จะเกิดขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์หน้า ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยถึงรายละเอียดแผน เฮลธ์แคร์ของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐที่ถูกเลื่อนมาจากสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นวันที่ 4 ก.ค.นี้ ประกอบกับในวันที่ 7 ก.ค. เฟดจะเปิดเผยรายงานเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินในช่วงครึ่งปีแรก ก่อนจะรายงานต่อสภาคองเกรสเป็นลำดับต่อไป โดยในวันเดียวกันนั้นจะมีการประกาศข้อมูลภาคแรงงานสำคัญด้วย อันได้แก่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่เฟดชี้วัดต่อทิศทางเศรษฐกิจและการดำเนินนโยบายการเงินนั่นเอง

วิเคราะห์ราคาเทคนิค

ภาพรวมทางเทคนิคราคาทองคำหลุดเส้นแนวรับบริเวณเส้นค่าเฉลี่ยราย 50 วัน และ 30 วัน ในกราฟรายวัน จึงทำให้ภาพในระยะสั้นและระยะกลางเป็นแนวโน้มขาลง ขณะที่ราคาทองคำทรงตัวบริเวณ 1,240-1,250 เหรียญ โดยเป็นระดับเส้นค่าเฉลี่ยราย 30 วันของนักลงทุนรายสัปดาห์

จึงวิเคราะห์โดยสรุปได้ว่าราคาทองคำในระยะสั้นและระยะกลางนั้นดูจะเป็นขาลง ขณะที่ระยะยาวเป็นทิศทางขาขึ้นอยู่ และราคาทองคำจะมีแนวรับสำคัญ 1,240 ดอลลาร์ ซึ่งหากลากเส้น Trend Line มาจะเป็นเส้นที่ลากผ่านจุดต่ำสุดสองครั้งในปีนี้ ที่ระดับ 1,213 ดอลลาร์ขึ้นมา ซึ่งหากราคาทองคำหลุด 1,240 ดอลลาร์ ก็มีโอกาสจะกลับลงไปทดสอบ 1,220 ดอลลาร์ และ 1,200 ดอลลาร์ ตามลำดับ กรณีที่ราคาทองคำทรงตัวและสามารถกลับขึ้นไปเหนือ 1,265 ดอลลาร์ ก็จะทำให้ราคาทองคำกลับเป็นขาขึ้นในระยะสั้นได้

อย่างไรก็ดี กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น ให้เน้นการลงทุนแบบเข้าเร็ว-ออกเร็ว ลงทุนกรอบแคบในลักษณะ Sideways ขณะที่ทองคำแท่งของไทยจะมีแนวรับสำคัญบาทละ 20,000 บาท และมีแนวต้าน 20,250 บาท

ภาพ...เอเอฟพี