posttoday

มุมมองเศรษฐกิจและการลงทุน ครึ่งแรกของปี 2560

29 ธันวาคม 2559

โดย ศิริพร สินาเจริญ , CFA กรรมการผู้จัดการ บลจ. กรุงศรี

โดย ศิริพร สินาเจริญ , CFA กรรมการผู้จัดการ บลจ. กรุงศรี

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกของไทยและมีผลต่อเนื่องไปสู่ภาคการผลิต การลงทุน การอุปโภคบริโภค และราคาสินค้าเกษตร แต่อย่างไรก็ดีเศรษฐกิจโลกเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวและมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2560

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังจะได้ประโยชน์จากปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐและการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยรวมแล้วภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 มีแนวโน้มที่ดีซึ่งอาจสรุปได้ดังนี้

การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน เนื่องจากในช่วงต้นปี 2559 ไทยเผชิญปัญหาภัยแล้ง ส่งผลให้การบริโภคของภาคการเกษตรในช่วงต้นปี 2559 อ่อนแอ แต่อย่างไรก็ดีการเพิ่มขึ้นของยอดขายรถยนต์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 ส่งผลให้การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ดี สำหรับในครึ่งแรกของปี 2560 ถึงแม้มีปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ แต่การที่เกษตรกรสามารถกลับมาผลิตได้ ก็จะช่วยให้เกษตรกรมีความสามารถในการใช้จ่ายดีกว่าในปี 2559 นอกจากนี้การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนจะได้แรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคบางส่วนเริ่มหมดภาระการผ่อนจ่ายรถคันแรก และผู้บริโภคจะมีความสามารถในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใหม่ที่เริ่มมีผลในปี 2560

ภาคการท่องเที่ยวน่าจะฟื้นตัวหลังจากมีการปราบปรามทัวร์ผิดกฎหมาย ในขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลายๆ ประเทศจะช่วยหนุนให้ภาคการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ภาคการท่องเที่ยวอาจจะได้ประโยชน์จากปัญหาความวุ่นวายและปัญหาการก่อการร้ายในหลายๆ ประเทศ ซึ่งอาจส่งผลให้นักท่องเที่ยวเปลี่ยนเป้าหมายการเดินทางมาเป็นประเทศไทย ซึ่งไม่มีความขัดแย้งกับประเทศใด

ภาคการผลิตและการส่งออกน่าจะได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่ตัวเลขบ่งชี้ถึงการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ รวมถึงค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้น

ภาคการลงทุน การลงทุนภาครัฐมีแนวโน้มที่จะมีเงินลงทุนมากขึ้นตามโครงการภาครัฐหลายโครงการที่มีการทยอยลงทุนต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ดีภาคเอกชนยังคงรอดูความชัดเจนของโครงการลงทุนภาครัฐในบางโครงการ รวมถึงความชัดเจนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก ดังนั้นการลงทุนของภาคเอกชนในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 อาจจะยังไม่ดีเท่าที่ควร

ในส่วนของความเสี่ยงในปี 2560 มีหลายปัจจัย ได้แก่ นโยบายของ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจน แต่อย่างไรก็ดีคาดว่าหลายนโยบายที่ทรัมป์เคยหาเสียงไว้ไม่น่าจะสามารถทำได้ เช่น การสนับสนุนให้บริษัทสหรัฐที่อยู่ในต่างประเทศย้ายฐานการผลิตกลับเข้าไปอยู่ในสหรัฐ ซึ่งไม่น่าจะได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากบริษัทต่างๆ จะมีต้นทุนสูงขึ้นจากการย้ายฐานการผลิต

เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่คาด เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งต่อเนื่อง และเฟดได้ปรับเพิ่มตัวเลขการคาดการณ์อัตราการเติบโตของจีดีพีในปี 2560 เป็น 2.1% จากเดิมที่ 2% ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มพุ่งขึ้นมาก เนื่องจากผลของฐานราคาน้ำมันเมื่อเทียบเป็นต่อปี โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในไตรมาส 1/2559 เฉลี่ยอยู่ที่ 33.35 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เทียบกับในช่วงปลายปี 2559 ที่อยู่ที่ราว 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

แนวโน้มความวุ่นวายในยุโรป โดยประเทศหลักๆ อย่าง เยอรมนี ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ จะมีการเลือกตั้งในปี 2560 ซึ่งผลการเลือกตั้งอาจสั่นคลอนความมั่นคงของยูโรโซน เนื่องจากอาจมีผู้สมัครเลือกตั้งบางส่วนที่มีนโยบายที่จะออกจากอียูเช่นเดียวกันกับสหราชอาณาจักร รวมถึงยุโรปยังเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของกลุ่มผู้ก่อการร้าย

สำหรับการลงทุนในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ในส่วนของตราสารหนี้ ควรลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น หรือกองทุนตราสารหนี้ที่มีการบริหารเชิงรุก (Active Management) เนื่องจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลให้ตราสารหนี้ระยะยาวมีความผันผวน ในส่วนของหุ้นไทยเนื่องจากค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า ดังนั้นจึงยังไม่น่ามีเงินทุนไหลเข้าไทยมากนัก

อย่างไรก็ดี จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่มีความแข็งแกร่งและฟื้นตัวต่อเนื่อง จะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น สำหรับตลาดต่างประเทศที่น่าสนใจ ได้แก่ ตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งการที่เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวชัดเจนและเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว จะช่วยหนุนให้ผลประกอบการของบริษัทสหรัฐดีขึ้น ในขณะที่บริษัทญี่ปุ่นจะได้ประโยชน์จากการแข็งค่าของเงินเหรียญสหรัฐ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นจึงเป็นอีกหนึ่งตลาดที่น่าสนใจ

ส่วนผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูงก็อาจจะพิจารณาตลาดหุ้นจีน ซึ่งเศรษฐกิจส่งสัญญาณมีเสถียรภาพ และราคาหุ้นยังไม่แพงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ รวมถึงอาจพิจารณากองทุนหุ้นกลุ่ม Emerging Market ที่จะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก