posttoday

ทองขึ้นขานรับ Non-Farm Payrolls ที่ตกลง

05 ตุลาคม 2558

โดย...นพ.กฤชรัตน์ หิรัญยศิริ ประธานกลุ่มเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก

โดย...นพ.กฤชรัตน์ หิรัญยศิริ ประธานกลุ่มเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก

ในคืนวันศุกร์ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นกว่า 2% จากระดับ 1,104 เหรียญ โดยขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับประมาณ 1,141 เหรียญ เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อันได้แก่ การจ้างงานนอกภาคการเกษตรของภาครัฐบาลสหรัฐฯ (Non-Farm Payrolls) ที่ออกมาแย่ลงอย่างมากในเดือนกันยายนแตะระดับ 142,000 ตำแหน่ง จากที่คาดการณ์ว่าจะออกดีขึ้นที่ระดับประมาณ 200,000 ตำแหน่ง 

ขณะเดียวกันกระทรวงแรงงานสหรัฐฯก็มีการปรับทบทวนข้อมูลการจ้างงานในเดือนสิงหาคม โดยปรับลดลง 59,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 136,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้ส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจจะไม่สามารถทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในปีนี้ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงมีความผันผวน และการจ้างงานยังคงมีความไม่แน่นอน 

นอกจากนี้ข้อมูลการจ้างงานที่ออกมาไม่ดีนั้น ได้ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน โดยดัชนีดอลลาร์ที่เคลื่อนไหวระดับ 96.32 ร่วงลงมาสู่ระดับ 95.32 หลังทราบการประกาศข้อมูลดังกล่าว ขณะที่เช้าวันนี้ราคาทองคำของไทยปรับตัวสูงขึ้น 400 บาท/บาททองคำ ที่ระดับ 19,500 – 19,600 บาท/บาททองคำ ด้านกองทุนทองคำ SPDR ยังคงมีสถานะการเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 22 กันยายนที่ผ่านมา โดยปัจจุบันมีการถือครองทองคำที่ระดับ 689.2 ตัน

ปัญหาของกลุ่มประเทศ Emerging Markets

จากสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ ทำให้เกิดแรงกดดันต่อเนื่องมาสู่สภาพของตลาดทองคำ กล่าวคือ เศรษฐกิจโลกมีความกังวลต่อกลุ่มประเทศที่เรียกว่า Emerging Markets ซึ่งแน่นอนก็รวมไปถึงประเทศจีนและไทย รวมทั้งภูมิภาค South East Asia ทั้งหมดด้วยเช่นเดียวกัน โดยสภาพตลาดที่เกิดขึ้นส่งผลให้เกิดความกังวล 5 เรื่อง คือ 1) การที่เศรษฐกิจของจีนเริ่มเข้าสู่ภาวะชะงักงัน (China Jitters)  2) ภาวะการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งทำให้ค่าเงินในภูมิภาคอาเซียนเองปรับตัวอ่อนค่าลงทั้งหมด 3) การที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆปรับตัวลดลง เช่น สินค้าภาคการเกษตร ยาง และกลุ่มโลหะ รวมทั้งด้านอุตสาหกรรมต่างๆปรับตัวลง 4) การที่ภาคบริษัทต่างๆมีภาวะหนี้สินสูงขึ้น และ 5) การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

ทั้ง 5 ประเด็นข้างต้นนี้ ยังเป็นปัจจัยที่กดดันภาวะเศรษฐกิจของโลกและทำให้ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง อันจะเห็นได้ว่า ภาคการส่งออกของไทยเองก็ปรับตัวลดลงอย่างมาก การที่ค่าเงินบาทเองอ่อนค่าลงแล้วกว่า 11% ในปีนี้ เรียกได้ว่าเป็นสภาวะต่อเนื่องจากปัจจัยข้างต้นและเป็นตัวดึงให้ราคาทองคำของไทยอยู่ในสภาวะปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องอย่างช้าๆ ทั้งที่ราคาทองคำในตลาดโลกเองมีการทรงตัวหรือปรับตัวในระดับล่าง

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ในเชิงเทคนิคราคาทองคำในระยะสั้นยังคงมีความผันผวนตามที่ได้วิเคราะห์ไปก่อนหน้านี้แล้ว อันจะเห็นได้จากการดีดกลับของราคาหลังทราบข่าว Non-Farm Payrolls ที่ส่งผลให้ทองคำดีดตัวกลับกว่า 2% โดยทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 100 วันอีกครั้ง บริเวณ 1,143 เหรียญอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งราคาทองคำของตลาดโลกโดยภาพรวม จึงยังเป็นลักษณะแก่วงตัวในกรอบ 1,100 – 1,150 เหรียญในสัปดาห์นี้

ขณะเดียวกับทองคำก็มีแรงซื้อกลับในฐานะ Short Covering ด้วยจึงทำให้มีบางกระแสคาดว่าราคาทองคำจะสามารถขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญ 1,150 เหรียญได้ อย่างไรก็ดีภาพรวมในระยะยาวของทองคำยังเป็นขาลง ประกอบกับความกังวลที่ยังคงมีอยู่ในเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯที่อาจเกิดขึ้นได้ในปีนี้

สำหรับราคาทองคำของไทยยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินบาท ทำให้ราคาทองคำไทยจะมีแนวรับที่ระดับ 19,150 บาท/บาททองคำ และแนวต้านสำคัญ 19,650 บาท/บาททองคำ

การบริหารพอร์ตการลงทุนให้ดีในสภาวะที่ตลาดมีการแกว่ง จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งบริษัท MTS Gold Futures รวมทั้ง MTS Gold แม่ทองสุก ผู้นำการค้าทองคำแท่งยังมีการเปิดคอร์สจัดอบรมด้านการลงทุนให้แก่นักลงทุนทุกท่าน เพื่อเพิ่มความรู้ความเข้าใจการลงทุนทองคำอย่างต่อเนื่อง สนใจลงทุนในทองคำหรือต้องการเปิดบัญชีติดต่อได้ที่ MTS Gold Call Center 02-770-7777