ประกันขายธุรกิจ! ข้ามชาติ/รายเล็กเร่งดีล
จับตาการขายธุรกิจของบริษัท ประกันวินาศภัยในไทย ทั้งบริษัทในเครือข้ามชาติ บริษัทขนาดเล็ก เหตุแข่งขันสูง กำไรไม่คุ้มการลงทุน คาดได้ผลสรุปภายในปีนี้
โดย...วารุณี อินวันนา
ต้องจับตาการขายธุรกิจของบริษัท ประกันวินาศภัยในไทย ทั้งบริษัทในเครือข้ามชาติ บริษัทขนาดเล็ก เหตุแข่งขันสูง กำไรไม่คุ้มการลงทุน คาดได้ผลสรุปภายในปีนี้
สำหรับบริษัท ไอเอจี ถือหุ้นในบริษัทประกันคุ้มภัย รวม 99% ผ่านการถือหุ้นทางตรงในนามบริษัท ไอเอจี อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งจดทะเบียนที่ประเทศออสเตรเลีย 49% และถือหุ้นทางอ้อมผ่าน บริษัท เอ็นเอชซีที จดทะเบียนในประเทศไทย 50%
ขณะที่ตัวแทนจากบริษัท ไอเอจี ออสเตรเลีย ออกมาปฏิเสธการออกจากตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ยอมรับว่าบริษัทอยู่ระหว่างทบทวนกลยุทธ์ทางธุรกิจในภูมิภาคนี้ที่มีความน่าสนใจจากการที่อัตราการถือครองกรมธรรม์ยังต่ำ แต่ก็ยอมรับว่าการแข่งขันในภูมิภาคนี้สูงมาก
ด้าน ปีเตอร์ ฮาร์เมอร์ (Peter Harmer) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเอจี ออสเตรเลีย เปิดเผยในการรายงาน งบการเงินไตรมาส 1/2561 ว่าธุรกิจประกันภัยในเอเชียของบริษัทมีการเติบโตค่อนข้างจำกัด ทำให้ต้องทบทวนยุทธศาสตร์การทำธุรกิจระยะยาวในเอเชีย โดยจะเน้นการรุกตลาดที่บริษัทสามารถเติบโตได้ดี ทั้งผ่านการควบรวมกิจการและการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทท้องถิ่น การทบทวนนี้จะออกมารูปแบบใดคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปี 2561 นี้
ส่วนธุรกิจของไอเอจีในไทยไตรมาส 1/2561 เริ่มกลับมาทำกำไรได้แล้ว จากการที่ไม่มีลูกค้ารายใหญ่ได้รับความ เสียหายรุนแรง และการฟื้นตัวของยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ชดเชยเบี้ยประกันภัยลูกค้าองค์กรที่ลดลง
แหล่งข่าวจากบริษัทประกันภัย เปิดเผยว่า บริษัทเจ้าพระยาประกันภัย ที่อยู่ระหว่างการถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ให้หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว เพื่อแก้ไขฐานะทางการเงินให้เป็นไปตามเกณฑ์ภายในวันที่ 29 มิ.ย. 2561 กำลังศึกษาวิธีการแก้ปัญหาฐานะการเงิน ซึ่งมีทางเลือก 2 ทาง คือ การหาเงินสดมาเพิ่มทุนและชำระหนี้เจ้าหนี้และการขายธุรกิจให้กับบริษัทประกันวินาศภัยขนาดใหญ่ ที่เป็นเจ้าหนี้ประกันภัยรายใหญ่ โดยมีความเป็นไปได้สูงที่จะ ขายธุรกิจให้กับเจ้าหนี้ เพราะการแข่งขันในธุรกิจประกันวินาศภัยไทยค่อนข้างรุนแรง หากจะทำธุรกิจต่อไปจะต้องใช้เงินลงทุนสูง
สำหรับปี 2561 ได้เกิดการเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นในบริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย ด้วยการดึงผู้ร่วมทุนรายใหม่จากกลุ่มธุรกิจการเงิน อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง เข้ามาซื้อหุ้นจำนวน 98.2 ล้านบาท เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการต่อยอดธุรกิจและสร้างความมั่นคงด้านเงินทุน บริษัท ฟินิกซ์ประกันภัย (ประเทศไทย) ผู้ถือหุ้นเดิมได้ขายหุ้น 55% ให้บริษัทในกลุ่มเจมาร์ท เป็นเงินกว่า 390 ล้านบาท และเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เจพี ประกันภัย โดยมุ่งทำธุรกิจอินชัวร์เทค
ส่วนปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัท บูพา ประกันสุขภาพ ประเทศอังกฤษ ได้ขายธุรกิจในประเทศไทยทั้งหมด ให้กับบริษัท เอ็ทน่า อิงค์ ซึ่งเป็นผลมาจากการแข่งขันที่รุนแรง และหันไปมุ่งธุรกิจในประเทศที่มีกำไร และบริษัท สินทรัพย์ประกันภัย กลุ่มธุรกิจยานยนต์และอสังหาริมทรัพย์ ได้ขายหุ้นทั้งหมด ให้กับกลุ่มธุรกิจอัญมณีและเครื่อง ประดับของครอบครัวศรีอรทัยกุลรวม 93.5%