คปภ.หนุนกองทุนโครงสร้างพื้นฐานฯ

บอร์ด คปภ.เคาะค่าความเสี่ยงการลงทุนในกองทุนโครงสร้างพื้นฐานฯ ที่ 8% ต่ำกว่าลงทุนในตลาดหุ้น

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการ คปภ.ได้ให้ความเห็นชอบการกำหนดค่าความเสี่ยงที่ใช้ในการคำนวณเงินกองทุนสำหรับการลงทุนในกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFF) ให้มีค่าเท่ากับ 8% ตามที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรองการพัฒนากรอบการดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง ระยะที่ 2 (RBC2) เสนอ

ทั้งนี้ คปภ.พิจารณาแล้วเห็นว่า กองทุนทีเอฟเอฟที่จัดตั้งขึ้นตามมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้นถือเป็นเครื่องมือทางการเงินที่เป็นทางเลือกใหม่ในการลงทุนของธุรกิจประกันภัย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตและพัฒนาการของอุตสาหกรรมประกันภัยในระยะยาว อีกทั้งเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลเพื่อเพิ่มบทบาทให้ธุรกิจประกันภัยเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศผ่านการระดมทุนในกองทุนทีเอฟเอฟ

"ความเสี่ยงที่ระดับ 8% หมายความว่า หากบริษัทประกันภัยลงทุนในกองทุนทีเอฟเอฟ 100 บาท จะต้องตั้งสำรองเงินกองทุนไว้ 8 บาท ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในหุ้นหรือกองทุน ทั่วๆ ไป เพราะเป็นกองทุนที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ และเป็นเครื่องมือของภาครัฐเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศผ่านการระดับทุนจากภาคเอกชน" นายสุทธิพล กล่าว

เลขาธิการ คปภ.กล่าวว่า ธุรกิจประกันภัยถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักกลุ่มหนึ่งของกองทุนทีเอฟเอฟ โดยมีการถ่ายโอนรายได้ค่าผ่านทางจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทยให้แก่กองทุนทีเอฟเอฟ จึงทำให้กองทุนทีเอฟเอฟมีรายได้ที่ค่อนข้างแน่นอนและมีความผันผวนต่ำ จึงมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นจากการปรับอัตราค่าผ่านทางได้ทุก 5 ปี

นอกจากนี้ ยังมีการนำเงินจากการระดมทุนไปก่อสร้างส่วนต่อขยายอีก 2 เส้นทาง เนื่องจากกองทุนทีเอฟเอฟเป็น กองทุนที่มีแหล่งที่มาของรายได้ที่ชัดเจน มีความสม่ำเสมอของรายได้ และยังเป็น กองทุนที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ น่าจะส่งผลให้ความน่าเชื่อถือของกองทุนสูงกว่าตราสารของภาคเอกชน

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการ คปภ.ได้มอบหมายให้ คปภ.ติดตามความเสี่ยงของกองทุนทีเอฟเอฟอย่างใกล้ชิด และพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของค่าความเสี่ยงที่ใช้ในการคำนวณเงินกองทุนสำหรับการลงทุนในกองทุนทีเอฟเอฟต่อไป