posttoday

ทิพยประกันชีวิต จิ๋วแต่แจ๋ว โตได้อีกใต้ปีกออมสิน

23 กันยายน 2560

ภายใต้การสนับสนุนของธนาคารออมสิน ทำให้บริษัท ทิพยประกันชีวิต เป็นบริษัทที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว สามารถคว้ากำไรเป็นกอบเป็นกำได้ภายใน 4 ปีแรก และอยู่ในโอกาสเติบโตได้อีกนาน

โดย...วารุณี อินวันนา

ภายใต้การสนับสนุนของธนาคารออมสิน ทำให้บริษัท ทิพยประกันชีวิต เป็นบริษัทที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว สามารถคว้ากำไรเป็นกอบเป็นกำได้ภายใน 4 ปีแรก และอยู่ในโอกาสเติบโตได้อีกนาน

นพพร บุญลาโภ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันชีวิต กล่าวว่า ตามปกติการทำธุรกิจประกันชีวิตจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 7 ปี จึงจะเริ่มมีกำไร หลังจากนั้นใช้เวลาอีก 3 ปี ในการล้างขาดทุนสะสมที่เกิดจากการลงทุน และต้องใช้เวลาอีก 2 ปี ในการสะสมกำไร หรือมีกำไรเหลือสะสม รวมแล้วใช้เวลาประมาณ 12 ปี

สำหรับบริษัทใช้เวลา 3 ปีเท่านั้น สามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมด และเริ่มมีกำไรเมื่อเข้าสู่ปีที่ 4 หลังจากนั้นก็สามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2559 มีกำไรสุทธิกว่า 900 ล้านบาท สามารถจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นร่วม 400 ล้านบาท

ทั้งนี้ เป็นผลมาจากทีมบริหารที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดสรรหาแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ขายแล้วมีกำไรทันที คือ ประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัยผ่านธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ในปัจจุบัน เช่น ขายไป 100 บาท จะมีกำไรทันที 10 บาท เพราะมีต้นทุนในการขายต่ำ

หากเริ่มต้นด้วยขายประกันชีวิตสะสมทรัพย์ หรือคุ้มครองระยะยาว ก็คงจะตกอยู่ในสภาพเดียวกับบริษัทประกันชีวิตรายอื่นๆ ที่จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 12 ปี จึงจะมีกำไรเหลือให้สะสม

ประกอบกับบริษัทมีจำนวนพนักงานเพียง 150 คนเท่านั้น ถือว่ายังเป็นบริษัทขนาดเล็ก แต่ด้วยศักยภาพของบุคลากรที่มีอยู่ สามารถรองรับการขยายตัวของเบี้ยประกันภัยรับรวม 7,200 ล้านบาท ในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ ประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัย ยังเป็นพอร์ตใหญ่ของบริษัท ทำให้มีกำไรในการดำเนินงาน และยังมีกำไรจากการนำเงินไปลงทุนด้วย ทำให้กำไรเติบโตค่อนข้างดี โดยปี 2560 นี้คาดว่าจะมีกำไรประมาณ 1,000 ล้านบาท

"เรื่องการให้บริการหลังการขายไม่มีปัญหา เพราะในส่วนของลูกค้าธนาคารออมสิน ที่เป็นประกันสินเชื่อ ทางบริษัทมีระเบียบการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนให้กับทางพนักงานธนาคาร ทำให้การจัดส่งเอกสารการเคลมมาที่บริษัทมีความครบถ้วน ซึ่งบริษัทดำเนินการจ่ายสินไหมได้ภายใน 15 วัน ประกอบกับธนาคารก็ต้องการช่วยลูกค้าปิดบัญชีหนี้ให้เร็ว อัตราดอกเบี้ยจะได้ไม่วิ่ง จึงช่วยกันเร่งทำระบบเคลมให้เสร็จได้รวดเร็ว" นพพร กล่าว

นพพร กล่าวว่า ด้านลูกค้าตัวแทน มีระบบการให้บริการผ่านตัวแทนเป็นไปตามกฎระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และช่องทางนี้ยังมีจำนวนลูกค้าไม่มาก ส่วนใหญ่ 80% เป็นลูกค้าของธนาคารออมสิน

สำหรับในอนาคต บริษัทยังมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก เพราะปัจจุบันมีการทำธุรกิจขายประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัยผ่านธนาคารออมสินเป็นหลัก ยังไม่ได้เริ่มขายประกันชีวิตระยะยาว หรือสินค้าที่มีความคุ้มครองระยะยาวกับธนาคารออมสิน และช่องทางการขายผ่านตัวแทนก็สามารถเติบโตได้อีกมาก รวมถึงช่องทางอื่นๆ ก็ยังไม่ได้เริ่ม

"เราจะเริ่มขายประกันคุ้มครองระยะยาวกับธนาคารออมสินครั้งแรกในไตรมาส 4 นี้ ตั้งเป้าหมายไว้ 1,000 ล้านบาท แน่นอนว่าจะทำให้การตั้งสำรองสูงขึ้น แต่เนื่องจากการขายผ่านธนาคาร ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่ำ จึงไม่ส่งผลต่อการดำเนินงานมากนัก ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้พอมีกำไรบางๆ ไม่ขาดทุน เพราะต้องให้ผลประโยชน์ที่สามารถสู้ คู่แข่งได้ คือ ดีกว่าตลาดนิดหนึ่ง เพราะเราเป็นบริษัทที่เข้ามาใหม่" นพพร กล่าว

นพพร กล่าวว่า เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคตจากทุกๆ ช่องทางจำหน่าย เพื่อเพิ่มความหลากหลายในช่องทางรายได้ จากปัจจุบันที่มีรายได้ หลักมาจากช่องทางธนาคารออมสินเพียงช่องทางเดียว บริษัทได้วางงบประมาณ 200 ล้านบาท ในการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ภายใน 3 ปีนับจากปีนี้

"การปรับระบบไอทีและการขยายช่องทางการขายให้หลากหลาย เพื่อการเติบโต และเพื่อที่จะให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อสร้างแรงดึงดูดใจในการลงทุนจากนักลงทุนให้มากขึ้น" นพพร กล่าว

นพพร กล่าวว่า ในมุมของกำไรจากการดำเนินงาน และฐานะการเงินของบริษัทมีคุณสมบัติครบถ้วน แต่ยังไม่ดึงดูดใจพอ เพราะนักลงทุนมองว่าการที่บริษัทมีรายได้จากช่องทางเดียวมีความเสี่ยง วันนี้ บริษัทได้มอบให้ ศุภชัย จงศุภวิศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด ซึ่งเป็นผู้สร้างผลงานนำพาช่องทางการขายประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัยขึ้นเป็นที่ 1 ในอุตสาหกรรมนี้ในช่วง 6 เดือนแรกของปี มาเป็น ผู้ดูแลช่องทางการขายทั้งหมด ทั้งช่องทางประกันสถาบัน ประกันกลุ่ม การขายผ่านธนาคาร รวมถึงการขายผ่านตัวแทน ภายใต้หลักการการทำตลาดเชิงรุกแบบบูรณาการ

"แม้จะสามารถเติบโตได้สูง แต่บริษัทวางแผนการโตไว้เฉลี่ยปีละ 10% เพราะประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัย เป็นแบบเบี้ยชำระครั้งเดียว ไม่มีปีต่ออายุ และยังเป็นการวางเป้าหมายการเติบโตที่อยู่บนความเป็นจริง ควบคู่กับการมีกำไรต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ" นพพร สรุป

สำหรับฐานะการเงินของบริษัท ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2560 มีสินทรัพย์รวม 1.65 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มีระดับความเพียงพอของเงินกองทุนอยู่ที่ 304% สูงกว่าระดับที่กฎหมายกำหนดกว่า 2 เท่า มีกำไรสุทธิ 420 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 256%