posttoday

หุ้น6พ.ค.ปิดภาคเช้าร่วง13.99 จุด

06 พฤษภาคม 2554

ตลาดหุ้นปิดซื้อขายภาคเช้าวันที่ 6พ.ค.ที่ระดับ 1,059.88  จุด ลดลง 13.99 จุด หรือ -1.30% มูลค่าการซื้อขาย 23,192.88 ล้านบาท โดยดัชนีลงต่ำสุดที่ 1,054.85 จุดและสูงสุดอยู่ที่ 1,064.10 จุด บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า ดัชนีปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยมีแนวรับที่ 1064-1055 จุดและแนวต้าน 1078-1081 จุด โดยนักลงทุนเทขายหุ้นบลูชิพขนาดใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ น้ำมัน ทองคำ หลังนักลงทุนต่างชาติเริ่มลดพอร์ตสินทรัพย์เสี่ยงจากวิตกเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยต้องจับตา รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรคืนนี้ ส่วนปัจจัยบวกจะมาจาก การประกาศยุบสภาของนายกรัฐมนตรี ซึ่งล่าสุดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกา(พ.ร.ฎ.) ยุบสภาก่อนที่จะนำคณะเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ประเทศอินโดนีเซียในช่วงบ่ายวันนี้ จากนั้น จะแถลงการดำเนินการ ต่อสาธารณชนอีกครั้งในวันที่ 9 พ.ค.นี้

ตลาดหุ้นปิดซื้อขายภาคเช้าวันที่ 6พ.ค.ที่ระดับ 1,059.88  จุด ลดลง 13.99 จุด หรือ -1.30% มูลค่าการซื้อขาย 23,192.88 ล้านบาท โดยดัชนีลงต่ำสุดที่ 1,054.85 จุดและสูงสุดอยู่ที่ 1,064.10 จุด
 
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า ดัชนีปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยมีแนวรับที่ 1064-1055 จุดและแนวต้าน 1078-1081 จุด โดยนักลงทุนเทขายหุ้นบลูชิพขนาดใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ น้ำมัน ทองคำ หลังนักลงทุนต่างชาติเริ่มลดพอร์ตสินทรัพย์เสี่ยงจากวิตกเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยต้องจับตา รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรคืนนี้ ส่วนปัจจัยบวกจะมาจาก การประกาศยุบสภาของนายกรัฐมนตรี ซึ่งล่าสุดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกา(พ.ร.ฎ.) ยุบสภาก่อนที่จะนำคณะเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ประเทศอินโดนีเซียในช่วงบ่ายวันนี้ จากนั้น จะแถลงการดำเนินการ ต่อสาธารณชนอีกครั้งในวันที่ 9 พ.ค.นี้

บล.ทรีนีตี้ มองว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ถูกกดดันด้วยการปรับฐานครั้งสำคัญของตลาดต่างประเทศ แต่การรีบาวด์อาจเกิดขึ้นในช่วงระหว่างวันได้บ้างหากมีความคลี่คลายว่าการเดินหน้ายุบสภาเป็นไปตามกำหนดเดิม ไม่ผิดความคาดหมาย ตลาดหุ้นไทยในวันนี้คาดว่าขึ้นลงในกรอบ 1,066-1,080 จุด อาจมีการรีบาวด์ขึ้นจากภาวะกดดันเมื่อช่วงต้นสัปดาห์  โดยดัชนีมีแนวรับอยู่ที่ 1,063 แนวต้าน 1,078 จุด

อย่างไรก็ตามแนะนำให้ระมัดระวังหุ้นขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันดิบ ได้แก่ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีและสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความผันผวนของราคาตามราคาน้ำมันดิบและทองคำ เป็นที่น่าจับตาว่าราคาทองคำที่ลงต่ำหลุด 1,500 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์ ยังคงมีความน่าสนใจในการเข้าซื้อเพื่อลงทุนระยะยาวได้อีกครั้งในระดับ 1,450-1,480 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์

 การอนุมัติงบประมาณของ ครม.ทิ้งทวน คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน (I) ในช่วงปี 2554-2555 เราจึงแนะนำการซื้อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายของภาครัฐและเอกชน เช่น TASCO, HMPRO โดยการลงทุนในรอบนี้เน้นไปที่หุ้นขนาดกลาง ได้แก่ BCP, HMPRO, CPN, SVI, CPF, GFPT
            
 5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,212.73 ล้านบาท ปิดที่  350 บาท ลดลง 11 บาท หรือ -3.05% 
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,171.45 ล้านบาท ปิดที่  716 บาท ลดลง 10 บาท หรือ -1.38% 
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,145.15 ล้านบาท ปิดที่  172.50 บาท ลดลง 6 บาท หรือ -3.36% 
CPF มูลค่าการซื้อขาย 1,053.40 ล้านบาท ปิดที่ 29 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ -2.52% 
RAIMON มูลค่าการซื้อขาย 1,045.21 ล้านบาท ปิดที่ 1.23 บาท บวก 0.05 บาท หรือ +4.24%