posttoday

SSIหนาวจีสตีลวิ่งฉิว

04 มีนาคม 2554

SSI หืดขึ้นคอเจอคู่แข่งแกร่ง หลังมิตตัลซื้อจีสตีลได้สภาพคล่องผลิตเต็มที่ ด้านเหล็กรายย่อยโล่งอกซื้อได้ของชัวร์ จ่ายแพงขึ้น

SSI หืดขึ้นคอเจอคู่แข่งแกร่ง หลังมิตตัลซื้อจีสตีลได้สภาพคล่องผลิตเต็มที่ ด้านเหล็กรายย่อยโล่งอกซื้อได้ของชัวร์ จ่ายแพงขึ้น

แหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรมเหล็กเปิดเผยว่า อาร์เซลอร์ มิตตัล ผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดของโลกเข้ามาซื้อหุ้นจำนวน 40% ในบริษัท จีสตีล (GSTEEL) จะส่งผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศไทยอย่างมาก และสร้างแรงกดดันต่อบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) อย่างหนัก เนื่องจากเป็นผู้ผลิตเหล็กประเภทเดียวกันกับจีสตีล

“จีสตีลจะมีสภาพคล่องสูงเพียงพอในการผลิตเหล็กได้เต็มกำลังปัจจุบันอยู่ที่ 34 ล้านตัน จากที่ผ่านมาผลิตได้เพียง 40% เท่านั้น เพราะขาดสภาพคล่อง ส่วน SSI ผลิตอยู่ที่ 2.8 ล้านตัน ซึ่งเมื่อจีสตีลทำได้เต็มที่ ก็จะทำให้รายได้จากการขายของ SSI ลดลงได้”

นอกจากนี้ อาร์เซลอร์ มิตตัล มีแหล่งวัตถุดิบมากพอที่จะป้อนให้กับจีสตีลและมีช่องทางในการจำหน่าย ซึ่งน่าจะทำให้จีสตีลลดต้นทุนในการผลิตลงได้ ทำให้มีอัตรากำไรเพิ่มขึ้น สุดท้ายก็จะเป็นประโยชน์กับผู้ถือหุ้น

อย่างไรก็ตาม จีสตีลยังมีความเสี่ยงเรื่องผู้สอบบัญชี สอบบัญชีไม่แสดงความเห็น/ไม่ให้ความเชื่อมั่นต่องบการเงินมา 3 ไตรมาสแล้ว หากไม่รับรองงบไตรมาส 4 ปี 2553 ก็เข้าเกณฑ์ขาดคุณสมบัติการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น

แหล่งข่าวจากบริษัทเหล็กซึ่งสั่งซื้อสินค้าจากจีสตีล เปิดเผยว่า ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากที่ อาร์เซลอร์ มิตตัล เข้ามาซื้อหุ้นจีสตีล เพราะจะทำให้ผู้ซื้อสินค้าได้รับสินค้าจากจีสตีลแน่นอนและตรงเวลาดีกว่าที่ผ่านมา ต้องจ่ายเงินล่วงหน้าแล้วไม่มั่นใจว่าจะได้รับสินค้าภายในเวลาที่ต้องการหรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้การค้าขายก็จะเป็นมาตรฐานสากลมากขึ้น

สำหรับผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย คือผู้ใช้อาจจะต้องใช้เหล็กราคาแพง เพราะเหล็กใหญ่อันดับโลกเข้ามาลงทุนก็จะเกิดการชี้นำราคาได้ และบริษัทที่ทำโรงท่อเหล็กก็จะได้รับผลกระทบ เพราะบริษัทเหล่านี้ต้องซื้อของจากจีสตีล

ด้านหุ้น GSTEEL หยุดซื้อขายเป็นวันที่ 2 เนื่องจากยังไม่ส่งงบการเงินปี 2553 ขณะที่หุ้น SSI ปิดที่ 1.23 บาท ลดลง 0.04 บาท หลังจากลูกหุ้นเพิ่มทุน ราคา 1.20 บาท เข้าซื้อขายเป็นวันแรก