posttoday

"ชโย กรุ๊ป" ตามหนี้โกยกำไร 76 ล้านบาท โตกว่า 17%

18 พฤษภาคม 2565

บมจ.ชโย กรุ๊ป (CHAYO) ตามหนี้โกยกำไร 76 ล้านบาท โตกว่า 17% เชื่อปี 65 รายได้ทะยานตามแผนโตไม่ต่ำกว่า 25%

นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO ผู้ดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ธุรกิจเจรจาติดตามเร่งรัดหนี้สิน ธุรกิจปล่อยสินเชื่อ และธุรกิจศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดไตรมาส 1 ปี 2565 มีรายได้รวม 221.76 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 45.31 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.68 สาเหตุการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่นั้นเกิดจาก การเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพจำนวน 38.79 ล้านบาท และรายได้จากการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นจำนวน 10.46 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2565 บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 169.52 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 27.80 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 19.62% ส่วนกำไรสุทธิสำหรับปีอยู่ที่ 76.21 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 11.30 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17.41% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้อยู่ที่ประมาณร้อยละ 76.44 ของรายได้ และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 34.37

ทิศทางธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯ ได้เข้าประมูลและ/หรือเจรจาซื้อพอร์ตหนี้จากสถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยมีงบลงทุนอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะซื้อหนี้มาบริหารได้ประมาณ 10,000 – 15,000 ล้านบาท (ทั้งนี้ไม่รวม JV ที่จะจัดตั้งกับสถานบันการเงินตามนโยบายของ ธปท.) และมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปี 2565 จะทำได้ดีกว่าเป้าหมายการเติบโตที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 25% อย่างแน่นอน โดยธุรกิจรับซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเชื่อว่าในปี 2565 จะยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังที่ปกติสถาบันการเงินจะปล่อยหนี้ด้อยคุณภาพออกมาจำนวนมาก ประกอบกับว่ามาตรการพยุงลูกหนี้ที่หมดลงในเดือนมิถุนายน 2565 จะมีส่วนผลักดันให้มีหนี้เสียเข้ามาในระบบเพิ่มมากขึ้น

ธุรกิจบริหารจัดการหนี้ด้อยคุณภาพในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2565 นั้น มี TOR ที่ทางสถาบันการเงินทยอยปล่อยออกมาแล้วกว่า 80,000 ล้านบาท ซึ่งประมาณ 50,000 – 60,000 ล้านบาท ในช่วงที่เหลือในไตรมาส 2/2565 ยังเหลือ TOR ที่จะทยอยประกาศอีกกว่า 30,000 ล้านบาท “ส่วนความคืบหน้าในการศึกษาความร่วมมือกับสถาบันการเงินนั้นมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทคาดว่าในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 หรือ ต้นไตรมาสที่ 4 จะมีความชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรม โดยหากสามารถหาข้อสรุปได้บริษัทก็จะดำเนินการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนและขอใบอนุญาตกับทางแบงก์ชาติต่อไป ทั้งนี้บริษัท มองว่าการร่วมมือกับทางสถาบันการเงินจะเข้ามาช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการจัดหาหนี้ด้อยคุณภาพใหม่เข้ามาเติมพอร์ตได้อย่างมีเสถียรภาพมากขึ้นในอนาคต” นายสุขสันต์ กล่าว