posttoday

CPANEL จ่อเซ็นสัญญางานเพิ่ม 52.77 ล้านบาท

04 เมษายน 2565

CPANEL จ่อเซ็นสัญญางานเพิ่ม 52.77 ล้านบาท เตรียมลงเครื่องจักรใหม่ อัพเลเวลโรงงานเดิม เล็งเพิ่มกำลังการผลิต 5-10%

นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) (CPANEL) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) ด้วยระบบอัตโนมัติ (Fully Automated Precast) ที่ใช้สำหรับงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจไตรมาส 1/65 แนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง โดยบริษัทอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญากับลูกค้าโครงการแนวราบแนวสูงเพิ่ม 3 ราย มูลค่ากว่า 52.77 ล้านบาท ซึ่งหากเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้วจะส่งผลให้บริษัทมีงานในมือ (Backlog) 1,256.62 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังมีลูกค้าอีกหลายรายที่มีความสนใจใช้ Precast Concrete ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาอีกกว่า 7 ราย อีกทั้ง บริษัทมีงานที่จะส่งมอบให้ลูกค้า 15 ราย อาทิ โครงการ Noble Gable, Noble Curve, Grand Britania Bangna KM.35 ซึ่งบริษัทสามารถผลิตและส่งมอบงานให้ลูกค้าได้ทันได้ตามแผนที่วางไว้

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2565 คาดการณ์การเติบโตประมาณ 15-20% จากนโยบายภาครัฐการผ่อนคลายสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan-to-Value: LTV) โดยเฉพาะโครงการแนวราบ คาดว่าจะเติบโตมากขึ้น รองรับความต้องการลักษณะการทำงานแบบ Work From Home

“แม้ว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ยังมีปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวัง อาทิ การระบาดของไวรัสโควิด-19 แรงกดดันเงินเฟ้อ ผลกระทบของสงคราม และแนวโน้มต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยลักษณะธุรกิจของ CPANEL ที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิต สามารถลดความผิดพลาด ความสูญเสียในการผลิต และใช้แรงงานน้อย ประกอบกับบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี ส่งผลให้ได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิต และเงินเฟ้อในระดับต่ำ

อีกทั้ง ในมุมของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ยิ่งมีภาวะเงินเฟ้อเท่าไหร่ ยิ่งจำเป็นต้องลดแรงงาน เนื่องจากหากก่อสร้างได้รวดเร็ว จะทำให้ผลกระทบเรื่องเงินเฟ้อสั้นลง ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการหันมาเลือกใช้ Precast Concrete มากขึ้น” นายชาคริต กล่าว

CPANEL จ่อเซ็นสัญญางานเพิ่ม 52.77 ล้านบาท

ขณะที่ ความคืบหน้าเกี่ยวกับการติดตั้งเครื่องจักรใหม่ เพื่อเพิ่มศักยภาพโรงงานเดิม คาดว่าจะติดตั้งในช่วงไตรมาส 2/65 โดย CPANEL ถือเป็นเป็นรายแรกที่นำเทคโนโลยีนี้เข้ามาพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพระบบการผลิต สามารถผลิต Precast Concrete ได้รวดเร็วมากขึ้นและสามารถขยายกำลังการผลิตเพิ่ม 5-10% ด้านการลงทุนเครื่องจักรผลิต Precast Concrete เพื่อก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 2 หลังจากที่เดินทางไปดูเครื่องจักรที่ประเทศเยอรมันแล้ว ขณะนี้ อยู่ระหว่างเตรียมสรุปการสั่งซื้อ และคาดว่าจะสั่งเข้ามาติดตั้งในช่วงไตรมาส 2/66 หลังจากที่เริ่มก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 2 ในช่วงไตรมาส 2/65 ตามแผนที่วางไว้

ส่วนผลประกอบการปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 312.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 221.15 ล้านบาท จำนวน 91.29 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 41.27% และมีกำไรสุทธิ 31.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 13.12 ล้านบาท จำนวน 18.68 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 142.38% โดยรายได้ของบริษัทเติบโตถึง 40% มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 35% เนื่องจากในปี 64 ลูกค้ามีคำสั่งซื้อกลับมาเป็นปกติหลังจากที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในปี 63 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทมีการบริหารจัดการควบคุมต้นทุนการผลิตที่ดีขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน