posttoday

KISS เร่งสปีด “สเปรย์แอนติบอดีพ่นจมูก ยับยั้งเชื้อโควิด-19”

07 มีนาคม 2565

KISS เร่งสปีด “สเปรย์แอนติบอดีพ่นจมูก ยับยั้งเชื้อโควิด-19” ของไทย เดินหน้าศึกษาทางคลินิก วางเป้าออกสู่ตลาดให้คนไทยได้ใช้ไตรมาส 3

นางวรวรรณ ไชยกำเนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KISS ผู้พัฒนานวัตกรรม และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและสุขภาพ กล่าวว่า KISS ขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรม “สเปรย์แอนติบอดีพ่นจมูกที่มีคุณสมบัติยับยั้งเชื้อโควิด-19” ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมด้านสุขภาพอย่างแท้จริง ที่ได้รับการพัฒนาด้วยเทคโนโลยี Monoclonal Human Antibody Cocktail จากการวิจัยภูมิคุ้มกันในมนุษย์เพื่อต่อต้านและยับยั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยทีมแพทย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผ่านบริษัทย่อยของ KISS คือ บริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิการถ่ายทอดเทคโนโลยีดังกล่าวจาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัยสาธารณสุข (สรวส.) ในการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์พ่นจมูกสำหรับป้องกัน หรือ ยับยั้งการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือ SARS-CoV-2 ทั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญที่จะผลักดันให้ KISS ก้าวสู่ตลาดสุขภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยบริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะให้การสนับสนุนนวัตกรรมที่นำเอาเทคโนโลยีทางการแพทย์ระดับโลก ที่ผ่านการวิจัยและพัฒนาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศไทย เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและช่วยเสริมสร้างความมั่นคงในระบบสุขภาพของประเทศ โดยขณะนี้ ไฮไบโอไซ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ KISS ได้ร่วมลงนามความร่วมมือ 5 ภาคีเครือข่าย เพื่อผลักดันงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมไทยสู่สากล โดยขณะนี้กำลังเดินหน้าสู่การศึกษาทางคลินิกในอาสาสมัคร เพื่อเตรียมความพร้อมในการขึ้นทะเบียนต่อ อย. โดยคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไปได้ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ ทั้งนี้ KISS มีความพร้อมรวมถึงประสบการณ์ความเชี่ยวชาญการทำตลาดและการกระจายสินค้าเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวางทั่วประเทศ โดยยังมีเป้าหมายที่มุ่งขยายผลสู่ตลาดต่างประเทศในอนาคต เพื่อรุกตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเต็มสูบ บริษัทฯ มั่นใจว่า นวัตกรรมผลิตภัณฑ์พ่นจมูกเพื่อป้องกันหรือยังยั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 นี้ จะมีส่วนในการเสริมสร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯ ได้อย่างเข้มแข็ง และช่วยยกระดับให้นวัตกรรมเพื่อสุขภาพของคนไทยได้รับการพัฒนาจนสามารถใช้ได้จริงและเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคคนไทยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในปัจจุบันและอนาคต

นาวาโทแพทย์หญิง ภาพร ประสิทธิ์ดำรง กรรมการ บริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายและนำเข้าเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ บริษัทย่อยใน บมจ. โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทฯ ได้ลงนาม MOU ผนึกกำลังพัฒนานวัตกรรมเชิงพาณิชย์ สเปรย์แอนติบอดีพ่นจมูก ป้องกันโควิด-19 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาทางคลินิกในอาสาสมัคร กับ 5 ภาคีจากภาครัฐและเอกชน โดยตลอดระยะเวลามากกว่า 2 ปี ที่เชื้อไวรัสโควิด-19 อุบัติขึ้น และระบาดจนส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งต่อเศรษฐกิจ และชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วโลก มาตรการด้านสาธารณสุข และการส่งเสริมให้คนได้รับวัคซีน เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยลดอัตราการติดเชื้อ รวมถึงอัตราการเสียชีวิตของประชาชนในแต่ละประเทศ แต่ทว่า ยังมีกลุ่มคนอีกมากที่สร้างภูมิจากวัคซีนได้ไม่ดี หรือภูมิที่มีอยู่ไม่ได้นาน ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้

“บริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด มีความตั้งใจที่จะผลักดันนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์สเปรย์พ่นจมูกที่มีแอนติบอดีจากมนุษย์ที่จำเพาะต่อเชื้อโควิด-19 ที่คิดค้นโดยแพทย์ไทย ซึ่งตอบโจทย์เรื่องการเสริมภูมิคุ้มกันที่โพรงจมูกซึ่งเป็นด่านหน้าที่จะดักจับเชื้อโควิดไม่ให้เข้าสู่ทางเดินหายใจส่วนล่าง โดยมุ่งที่จะพัฒนานวัตกรรมนี้จนเป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกในการป้องกันเชื้อโควิด-19 ได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมของคนไทย เพื่อคนไทย โดยจะเตรียมความพร้อมในการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ภายในไตรมาสแรก และ ขยายผลในการจัดจำหน่ายให้เข้าถึงคนไทยภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงในระบบสุขภาพของประเทศ นอกจากนั้นบริษัทฯ ยังมีแผนในการขยายผลสู่ตลาดในต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมและผลักดันให้นวัตกรรมไทยสู่เวทีโลกอีกด้วย” พญ.ภาพร กล่าว

ทั้งนี้ ความร่วมมือของภาคีเครือข่ายทั้ง 5 หน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่เห็นการพัฒนานวัตกรรมร่วมกัน ตั้งแต่การคิดค้นพัฒนานวัตกรรมแอนติบอดี้ที่มีคุณสมบัติจำเพาะเพื่อป้องกันโควิด-19 การสนับสนุนทุนให้เกิดการพัฒนาวิจัยต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบสเปรย์ที่มีประสิทธิผลและสะดวกในการใช้ ตลอดจนกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปต้นแบบ และออกสู่ตลาดเพื่อการนำไปใช้ได้จริง นับเป็นความร่วมมือที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมสุขภาพต้นแบบในการขับเคลื่อนการดูแลสุขภาพคนไทยเพื่อพร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป