posttoday

ทรีนีตี้แนะหุ้นผันผวนจัดสรรพอร์ตหุ้น80:20

02 กันยายน 2562

ทรีนีตี้ คาด SET Index เดือนก.ย. 2562 แกว่งตัวประเมินแนวรับสำคัญที่ 1,570 จุด ส่วนแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,700 จุด

ทรีนีตี้ คาด SET Index เดือนก.ย. 2562 แกว่งตัวประเมินแนวรับสำคัญที่ 1,570 จุด ส่วนแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,700 จุด

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า SET Index ในเดือนก.ย. 2562 คาดการณ์ว่าจะแกว่งตัวไปตามปัจจัยภายนอกเป็นสำคัญ โดยประเมินกรอบแนวรับแรกไว้ที่ 1,600 จุด และแนวรับสำคัญไว้ที่ 1,570 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ปลอดภัยในแง่ของ Valuation ในทางกลับกัน กรอบแนวต้านสำคัญอยู่ที่บริเวณ 1,680-1,700 จุด ซึ่งเป็นระดับเทียบเท่า Forward PE กรณีดีสุดที่ 15 เท่า ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำนักลงทุนถือหุ้นในส่วนเดิม ส่วนเงินสดในส่วนที่เหลือ แนะนำถือเพื่อรอสะสมหุ้นที่บริเวณแนวรับ ในสภาวะที่ความไม่แน่นอนของปัจจัยภายนอกยังคงมีอยู่

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในเดือนนี้ ประกอบด้วย
1. พัฒนาการของประเด็นสงครามการค้า หลังทั้งจีนและสหรัฐฯเริ่มต้นเก็บภาษีสินค้านำเข้าเพิ่มเติมต่อกันบางส่วนแล้วในวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณการค้าขายสินค้าระหว่างกันในตลาดโลก แต่ในแง่ของตลาดทุนนั้นประเมินเป็นสิ่งที่นักลงทุนรับรู้แล้ว จึงแนะนำให้จับตาท่าทีของทั้ง 2 ฝ่ายเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเจรจาการค้ารอบใหม่ รวมไปถึงท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อผลการประชุม Fed ในช่วงกลางเดือนนี้

2. พัฒนาการของความชัน Yield curve ทั่วโลก โดยเฉพาะของสหรัฐฯและไทย โดยจะต้องติดตามว่าส่วนต่าง Bond yield รุ่นอายุ 10 ปีเทียบ 2 ปีของสหรัฐฯ จะสามารถขึ้นมายืนเป็นบวกได้หรือไม่ ส่วนทางฝั่งของประเทศไทยที่ล่าสุดส่วนต่างนี้ยังคงอยู่ในระดับต่ำใกล้ 0% นั้น หากในช่วงถัดไปมีการปรับตัวลงมาติดลบ คาดจะเป็นการสร้างแรงกดดันให้กนง.ต้องมีการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในอนาคตได้เช่นกัน

3. การประชุมธนาคารกลางสำคัญต่างๆ เริ่มตั้งแต่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 12 กันยายน ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์ว่าจะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก (Deposit facility) ลงจากระดับ -0.4% เป็น -0.5% การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในวันที่ 17-18 กันยายน ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์ว่าจะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากระดับ 2.00-2.25% เป็น 1.75-2.00% การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ในวันที่ 18-19 กันยายน ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์ว่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม -0.1% แต่อาจมีการออกมาตรการผ่อนคลายรูปแบบอื่น และการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทยในวันที่ 25 กันยายน ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์ว่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม 1.5%

หากผลการประชุมของธนาคารกลางต่างๆเหล่านี้ออกมาสอดคล้องกับสิ่งที่ตลาดคาดการณ์ไว้ มองจะไม่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นมากนัก แต่หากผลที่ออกมาดีหรือแย่กว่าตลาดคาด ประเมินว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดผันผวนได้ ด้วยเหตุนี้ จึงแนะนำนักลงทุนจัดสรรน้ำหนักการลงทุนหุ้นด้วยสูตร 80:20 ต่อไป โดยน้ำหนัก 80% จัดสรรไปยังหุ้นกลุ่ม Domestic (BJC, CPALL, ADVANC, INTUCH, BCH, BEM, RATCH, EASTW, VGI, S11, THANI, AMANAH, REIT & IFF) และน้ำหนักอีก 20% จัดสรรไปยังหุ้นกลุ่ม Cyclical (IVL, PTTEP)